8โหด-กิ๊กบังฟัต ข้อหาหนัก นายกฯชม”บิ๊กแป๊ะ” ชี้เพ้อเจ้อ-ข่าวพ้นเก้าอี้ ผบ.ตร.เตรียมลงกระบี่ รับผู้ต้องหาจากทหาร 8ศพมีตายทั้งกลมด้วย

ตร.ขออนุมัติหมายจับ ทีมฆ่า 8 ศพ เผยรายชื่อ 8 ผู้ต้องหา คาดโดน 6 ข้อหาหนัก “ฆ่าโดยไตร่ตรอง พยายามฆ่า ซ่องโจรกักขังหน่วงเหนี่ยว มีอาวุธปืน และปล้น โดยแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหาร” ขณะ ที่เมียบังฟัตกับชายอีกคน อยู่ระหว่างพิจารณา ว่าจะถูกแจ้งข้อหาอะไร ขณะที่ทหารจะนำตัวมาส่งมอบให้ ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ ที่ บก.ภ.กระบี่ หลังครบอำนาจควบคุมตัว ตามคำสั่ง หน.คสช. “บิ๊กแป๊ะ”เตรียมบินลงไปรับตัวด้วยตนเอง รองนายก อบจ.กระบี่ห่วงภาพลักษณ์จังหวัด จี้ผวจ.เร่งชี้แจงต่างชาติ พร้อมเยียวยาครอบครัว ผญบ.อ่าวลึก “บิ๊กตู่”ชมเปาะ ผบ.ตร.ทำงานจริงจัง โวยสื่อพูดไปก่อนคนมีสีทำ มีใครมาขอโทษทหารไหม ยันถ้ามีจริงไม่เอาไว้แน่ ลั่นเพ้อเจ้อ ข่าวลือย้ายผบ.ตร.เป็นรมต.

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับ 9 ผู้ต้องหาทีมฆ่า 8 ศพ ครอบครัวนายวรยุทธ สังหลัง ผญบ.ม.1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ว่า ในช่วงเช้าพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา (สบ10) ร่วมประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี ถึงการออกหมายจับ ผู้ต้องหา เนื่องจากในวันที่ 20 ก.ค.นี้ จะครบกำหนดอำนาจการควบคุมตัวตามคำสั่ง คสช. ก่อนเปิดเผยว่าไม่เกินเวลา 12.00 น. ของวันที่ 19 ก.ค. นี้ ทางพนักงานสอบสวนจะสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 7 รายได้ และวัน 20 ก.ค. ที่จะถึงนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จะเดินทางมารับมอบตัว ผู้ต้องหาทั้งหมด จากเจ้าหน้าที่ทหารร.15 พัน. 1 อ.คลองท่อม ที่ บก.ภ.จว.กระบี่ ทั้งนี้ ในส่วนของการแจ้งข้อหานั้นขอให้ทาง ผบ.ตร.จะเป็นผู้ให้ข้อมูลอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เบื้องต้น เจ้าหน้าที่เตรียมเอาผิดผู้ต้องหาทั้ง 7 คนใน 6 ข้อหาหนัก ประกอบด้วย “ฆ่าโดยไตร่ตรอง พยายามฆ่า ซ่องโจร กักขังหน่วงเหนี่ยวมีอาวุธปืน และปล้นโดยแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารโดยมีอาวุธและยานพาหนะ” ส่วนหญิงสาวที่เป็นภรรยาของ บังฟัตและชายอีก 1 ราย ยังอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาอะไรหรือไม่ ทั้งนี้รายชื่อผู้ต้องหาทั้งหมดประกอบด้วย นาย ซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์กุล หรือบังฟัต นายประจักษ์ บุญทอย นายธนชัย จำนอง นายอรุณ ทองคำ นายธวัฒชัย บุญคง นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ นายคมสรรค์ เวียนนนท์ และน.ส.ชลิดา (ขอสงวนนามสกุล)

ขณะที่นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า รู้สึกมีความเป็นห่วงในเรื่องภาพลักษณ์ของจังหวัดกระบี่ เป็นอย่างมากเพราะข่าวออกไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะสื่อต่างชาติ นำเสนอออกมาค่อนข้างน่ากลัว ทำให้ถูกมองในทางลบ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับเพื่อนๆ ส่วนใหญ่แสดงความเป็นห่วง และสอบถามมาเป็นจำนวนมาก และมองว่า ทางจังหวัดควรที่จะออกมาแก้ไขภาพลักษณ์ในส่วนนี้โดยเร็ว เพราะเหตุการณ์ไม่ได้เกิดในแหล่งท่องเที่ยว แต่เกิดในหมู่บ้านในชนบท เป็นเรื่องระหว่างคนสองคน และเกิดขึ้นได้ทุกพื้นที่ ชาวกระบี่ไม่ได้เป็นคนโหดร้าย

นายกิติชัยกล่าวอีกว่า ต้องขอขอบคุณ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชันจินดา ผบ.ตร. เจ้าหน้าที่ทหารที่สามารถปิดคดีจับกุมร้ายได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีความกังวลในเรื่องผลกระทบต่อภาพลักษณ์โดยรวม เพราะกระบี่เป็นเมืองน่าอยู่ผู้คนน่ารัก เพราะฉะนั้นจึงขอฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ โดยเฉพาะทางจังหวัดควรที่ออกมาแสดงความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยวให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะทางจังหวัดควรจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะตัวผู้ใหญ่บ้านเองก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง ครอบครัวและญาติพี่น้องควรจะได้รับการเยียวยา

ขณะเดียวกันญาติของผู้ใหญ่บัติคน หนึ่งเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิต 8 ศพ ที่เป็นน้องเมียของผู้ใหญ่บัติ กำลังตั้งท้องได้ 3 เดือน แต่ต้องมาประสบเหตุอย่างไม่คาดคิดและโดนคนร้ายสังหารโหดจ่อยิงจนตายทั้งกลม โดยน้องเมียคนนี้กำลังสร้างบ้านหลังใหม่อยู่ติดกับบ้านผู้ใหญ่บัติเพื่อรอรับสมาชิกใหม่ที่กำลังจะเกิด แต่ก็ต้องมาเจอเหตุเช่นนี้ก่อน ทำให้บ้านที่กำลังก่อสร้างต้องหยุดก่อสร้างและปล่อยทิ้งร้างไว้ ซึ่งญาติๆ กำลังหารือถึงเรื่องบ้านที่กำลังสร้างด้วยว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ขอชื่นชมตำรวจและทุกหน่วยงานทุกคนที่สามารถจับกุมคนร้ายคดี ฆ่ายกครัวจ.กระบี่ได้ ทั้งรายเล็กรายใหญ่เพราะถือเป็นหน้าที่ของตำรวจทั้งต้นทาง กระบวนการยุติธรรม เราต้องจับให้ได้ถึงแม้ว่าจะยากเย็นแสนเข็ญเราก็ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงาน เพราะบางคดีก็ง่ายบางคดีก็ยากซึ่งเราต้องให้ความสำคัญกับทุกคดี

นายกฯ กล่าวว่า คดีดังกล่าวมีผลกระทบต่อสังคมสูงเพราะมีคนบาดเจ็บและสูญเสียจำนวนมาก ซึ่งไม่มีใครรับได้ แต่ในเมื่อดำเนินการมาแล้วจึงขอชื่นชมทุกคน จะเห็นว่านี่คือสิ่งดีๆ ที่ตำรวจทำมาก็กรุณานำไปชั่ง น้ำหนักดูกับสิ่งที่ไม่ดีว่ามากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่จับผิดกันทุกเรื่องและบอกว่ามีแต่สิ่งเลวร้าย แต่สิ่งดีๆ ไม่พูด สังคมก็ต้องช่วยกันชื่นชม ตำรวจจะได้มีกำลังใจ คนดีจะได้ทำงาน

นายกฯ กล่าวว่า ตนและรองนายกฯ ได้กำชับไปว่าขอให้ผบ.ตร. และตำรวจระดับสูงลงไปในพื้นที่เพื่อไปกำกับดูแลเอง ซึ่งผบ.ตร.ก็ลงพื้นที่ อดหลับอดนอนหลายวัน ก็ทำได้ภายใน 5-6 วัน นี่คือการทำงานแบบมืออาชีพ คดีใหญ่ๆ ที่มีผลกระทบสูง ผู้บังคับบัญชาก็ต้องลงไปขับเคลื่อนด้วยตัวเองก็ได้เห็นว่ามีความสามารถ จากนั้นเมื่อมีการแต่งตั้งก็มาดูว่าควรเป็นอย่างไร แต่ไม่ใช่เพียงคนเดียว แต่เป็นเรื่องของทีมงานจะเห็นว่ามีตำรวจระดับสูงลงไปมากมาย รวมถึงทีมงานสืบสวนสอบสวนเมื่อทำงานร่วมกันได้ออกมา

“อย่าไปพูดแต่แรก เห็นไหมแล้วยังไง มีใครจะขอโทษผมไหม จะขอโทษทหารเขาไหม สีเขียวน่าจะเป็นข้าราชการ มีไหม ใครจะมาขอโทษบ้าง สื่อมวลชนไม่เห็นจะ มีเลย แล้วตอนแรกบอกว่าเป็นข้าราชการทหาร ตำรวจ คนมีสี แล้วมีสักสีไหม ผมถึงบอกว่าต้องเช็กก่อน ไม่ใช่เขาใส่เสื้อมา ผมก็นั่งนึกอยู่ว่าใครที่แต่งชุดทหารแล้วไป ฆ่าคนผมว่าไอ้นี่มันโง่นะ มันสมควรแล้ว อันนี้ถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง จะใช่ไม่ใช่ผม ไม่รู้ว่าสิ่งที่กล่าวอ้างว่าทหารมีแบบนี้ด้วยหรือเปล่า ที่ไปอ้างกันอยู่ข้างล่างว่าทหาร ทำแบบโน้นแบบนี้ มันแค่เรียกผู้หมวด ผู้กองแค่นี้หรือ มันใช่หรือ ก็ดูบัตรประชาชนมันใช่หรือเปล่าล่ะ ถ้ามันอ้างแบบนั้นข้างล่างไหนขอดูบัตรประชาชนสิ ก็จะโง่ให้เขาหลอกอยู่ทำไม ถ้าใช่ตัวจริงผมก็จะลงโทษไม่เอาไว้หรอก แต่ถ้ามาพูดแบบนี้ก็จะเสียหายกันทั้งระบบ ต่างประเทศเขาก็ดูทหารตำรวจก็เละไปหมด การเมืองก็เละ ตำรวจทหารก็เละ และไทยจะอยู่ตรงไหน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน และผมจะทำไหวไหมเนี่ย การเมืองก็วุ่นวายไปหมด” นายกฯกล่าว

นายกฯยังให้สัมภาษณ์ถึงข่าวปล่อย การปรับคณะรัฐมนตรีว่า “เอากลาโหมไปดูการเลือกตั้ง เอาผบ.ตร.ไปนั่งเป็นรัฐมนตรี เพ้อเจ้อ คิดไปได้อย่างไร คนคิดเข้ามาอยู่ในหัว ในสมองผมหรืออย่างไร ยืนยันว่าผมยังไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบสวนและหาหลักฐานเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลว่าจริงๆ แล้วบังฟัต ต้องการจะฆ่าแค่เพียงตัวผู้ใหญ่บัติและเมียเท่านั้น เนื่องจากเมียผู้ใหญ่เป็นเจ้าของโฉนดที่ดินซึ่งเป็นปัญหากันอยู่ แต่เกิดผิดแผนเนื่องจากเข้ามาแล้วไม่พบเป้าหมาย จึงต้องรออยู่เป็นเวลานาน ทำให้มีพยานจำหน้าลูกน้องได้หมด อีกประเด็นมาจากขณะที่กำลังข่มขู่ผู้ใหญ่บัติอยู่ ทางผู้ใหญ่เอยชื่อ “โทริ” ซึ่งเป็นชื่อของบังฟัตขึ้นมา ทำให้เจ้าตัวซึ่งสวมไอ้โม่งอยู่ จึงถอดไอ้โม่งออก เนื่องจากรู้แล้วว่า ผู้ใหญ่บัติจำเสียงตนได้ จึงจำเป็นต้องลงมือฆ่าปิดปากทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ก่อนหน้าบังฟัตเคยถูกผู้ใหญ่บัติลอบยิง จนต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ทำให้กระทบกระเทือนรายได้จากการเก็บเงินกู้ จนเป็นเหตุให้ตัดสินใจลงมือก่อเหตุ

 

ขอบคุณแหล่งข่าวจาก – ข่าวสด    https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_445855

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *