เปิดคลิประทึก! หน่วยรบพิเศษฟิลิปปินส์ ดวลเดือดสไนเปอร์กลางเมือง – ลุยล้าง IS
ศึก “มาราวี” ครบเดือน ปินส์ปัดคุย – ลุยล้าง IS
โดย VICE News
Subscribe to VICE News here: http://bit.ly/Subscribe-to-VICE-News
Check out VICE News for more: http://vicenews.com
ภารกิจกวาดล้างกองกำลังติดอาวุธฝักใฝ่กองกำลังนักรบของ รัฐอิสลาม หรือไอเอส ของกองทัพฟิลิปปินส์ บนเกาะมินดาเนา ทางภาคใต้ของประเทศ ล่วงเข้าสู่เดือนที่ 2 แล้ว แม้ว่า ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ จะประกาศใช้กฎอัยการศึกบนเกาะดังกล่าว และระดมสรรพกำลังทางทหารลงไปปราบปรามแต่การรบพุ่งยังคงยืดเยื้อ โดย ประธานาธิบดีดูแตร์เต กล่าวยอมรับว่า กองกำลังติดอาวุธที่คาดว่ามีอยู่หลายร้อยคนนั้นส่วนหนึ่งเป็นนักรบต่างชาติที่ประสบการณ์การทำสงครามสูง ทำให้ยากต่อการกวาดล้างให้หมดไปโดยเร็ว จนต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐอเมริกา มิหนำซ้ำ ยังประกอบด้วยกองกำลังติดอาวุธหลายกลุ่ม ประกอบด้วยกองกำลังของกลุ่ม เมาเตที่ร่วมกันกับกองกำลังติดอาวุธอาบูซาย์ยาฟ นำโดย นายอิสนิลอน ฮาปิลอน หัวหน้านักรบไอเอสสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่คาดว่า หนีออกจากเมืองมาราวีไปแล้ว ส่วนยอดผู้เสียชีวิตนั้นพุ่งสูงถึงกว่า 400 ราย มีทั้งทหาร พลเรือน และนักรบไอเอสที่ถูกสังหาร ส่วนนักรบไอเอสในเมืองมาราวีคาดว่าเหลืออีกราว 120 คน
การสู้รบที่ยืดเยื้อส่งผลให้ความเสียหายปรากฏชัดเจน โดยเฉพาะกับประชาชนชาวฟิลิปปินส์กว่า 200,000 คน ที่ต้องอพยพหนีตายออกจากเมืองมาราวี เมืองแรกที่ฝ่ายไอเอสเข้ายึดเมื่อ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่นับพลเรือนที่ติดอยู่ภายในเมืองดังกล่าวที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง และตัวประกันที่ทางไอเอสจับไว้เป็นเชลยต่อรองและเป็นโล่มนุษย์กว่า 100 คน ขณะที่กองทัพฟิลิปปินส์ระบุว่าสามารถควบคุมพื้นที่เมืองมาราวีได้ร้อยละ 90 แล้ว แต่กลับไร้วี่แววของนายฮาปิลอน
พันโทโจ-อาร์ เฮอร์เรรา โฆษกกองทัพฟิลิปปินส์ ระบุว่า นักรบไอเอสใช้ยุทธวิธีวางเพลิงอาคารบ้านเรือน วางกับดักระเบิด และใช้เชลยเป็นโล่มนุษย์ เพื่อสร้างความยากลำบากให้กับฝ่ายเจ้าหน้าที่ และทำให้ไม่สามารถใช้ปืนใหญ่ และการโจมตีทางอากาศเข้ากวาดล้างได้เต็มที่ นักรบไอเอสยังใช้แม่น้ำลาเนาเป็นเส้นทางหลักในการลำเลียงผู้บาดเจ็บและเป็นเส้นทางส่งเสบียงกับยุทโธปกรณ์ แต่เจ้าหน้าที่เข้าตัดเส้นทางลำเลียงดังกล่าวแล้ว
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_427390