เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 24 มิ.ย. พ.ต.อ.กิตติพงษ์ สุขวัฒนพันธ์ ผกก.สภ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย พ.ต.อ.พรเทพ ธนาบูรณศักดิ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองเชียงราย พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน ชุดสืบสวน และหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธร (นปภ.) เชียงราย ได้ควบคุมตัว นายกฤษณะชัย จันทราศรี อดีตเภสัชกร อายุ 51 ปี และ น.ส.ยุพิน ปานลอยวงค์ อายุ 28 ปี สองผู้ต้องหาข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อนในคดีใช้มีดแทงนายจำลอง บุญทาทอง และ นางบัว บุญทาทอง สองสามีภรรยาจนเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 26 ม.ค.2548 หรือ 13 ปีก่อนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านเกิดเหตุ บ้านท่องหลวง ม.9 ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ภายหลังจากก่อนหน้านี้ได้มี น.ส.รัชฎาพร บุญทาทอง อดีตภรรยาของนายกฤษณะชัยพร้อมเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้เข้าร้องเรียนต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่าคดียืดเยื้อและถูกข่มขู่จนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวนายกฤษณะชัยได้ที่เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ และ น.ส.ยุพิน ที่ จ.ชลบุรี ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามการทำแผนประกอบคำรับสารภาพเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากพบว่าญาติของ น.ส.รัชฎาพร บุญทาทอง อดีตภรรยาของนายกฤษณะชัยและชาวบ้านประมาณ 100 คน ได้พากันไปดูการทำแผนดังกล่าวอย่างเนืองแน่นและแต่ละคนต่างถือป้ายข้อความทั้งใหญ่และเล็กระบุให้ประหารชีวิต รวมถึงนำไปติดเอาไว้ตามจุดต่างๆ ของบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งปัจจุบันมีนางเหลี่ยม บุญทาทอง อายุ 58 ปี พี่สาวของนายจำลองดูแลอยู่ รวมทั้งชาวบ้านยังตะโกนให้มีการประหารชีวิตอย่างต่อเนื่องตลอดการทำแผนด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 50 นาย ระดมกำลังกันพื้นที่ทำแผนไว้อย่างแน่นหนา
การทำแผนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จำลองเหตุการณ์วันเกิดเหตุว่า นายกฤษณะชัย และ น.ส.ยุพิน ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันไปจากร้านขายยาบริเวณห้าแยกพ่อขุนในเขตเทศบาลนครเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย มุ่งหน้าไปยังบ้านของผู้เสียชีวิตระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร จากนั้นนำรถไปจอดเอาไว้ในซอยหน้าบ้านและลงไปเปิดประตูหน้าบ้านซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวพื้นยกสูงเล็กน้อยก่อนไปทำร้ายนายจำลองและนางบัวบริเวณโซฟาที่นั่งลานบ้านจนเสียชีวิต แล้วจึงพากันขับขี่รถจักรยานยนต์ไปที่บ้านพักในชุมชนกองยาวเขตเทศบาลนครเชียงรายและหลบหนีไปนานกว่า 13 ปีดังกล่าว ซึ่งการทำแผนบริเวณบ้านที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ต้องให้ผู้ต้องหาสวมใส่หมวกกันน็อกเพื่อความปลอดภัยและจัดให้นายกฤษณะชัยได้กราบขอขมานางมอย บุญทาทอง อายุ 83 ปี มารดาของนายจำลอง และ นางเหลี่ยม พี่สาว ที่ไปรออยู่ในบ้านที่เกิดเหตุด้วย
โดยนายกฤษณะชัยกล่าวกับนางมอยและนางเหลี่ยมว่า ตนขออโหสิกรรมโดยจะยอมรับกรรมที่ได้ก่อเอาไว้ด้วย ซึ่งนางมอยและนางเหลี่ยมก็ตอบกลับว่าที่จริงได้อโหสิกรรมให้นานแล้ว แต่สงสัยว่าเหตุใดจึงหลบหนีและไม่ยอมมอบตัวเพื่อรับการดำเนินคดี จากนั้นนางมอยได้ร้องไห้ออกมาเป็นที่น่าสงสารของผู้พบเห็นอย่างมาก ก่อนที่เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายจำลองและน.ส.ยุพิน ทำแผนและออกจากบ้าน ซึ่งชาวบ้านได้พยายามจะแหวกแนวกั้นของเจ้าหน้าที่จนเกือบถึงตัวผู้ต้องหา แต่เจ้าหน้าที่สามารถนำตัวขึ้นรถตู้ที่ไปรับหน้าบ้านได้อย่างหวุดหวิด ก่อนนำตัวไปทำแผนที่จุดอื่นและนำไปควบคุมตัวที่ สภ.เมืองเชียงราย ต่อไป
นางมอย กล่าวว่า นายจำลองเป็นลูกคนที่ 3 จากลูกทั้งหมด 10 คนของตน โดยเขาเป็นคนดีจึงเป็นที่รักของชาวบ้านละแวกนั้นมากและมีอาชีพขับเรือหางยาวรับส่งนักท่องเที่ยวในแม่น้ำกกคอยเลี้ยงดูครอบครัว เมื่อสูญเสียเขาไป ตนก็เสียใจมาก และตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงปัจจุบันก็ไม่เคยมีรูปของเขาเก็บเอาไว้ที่บ้านที่ตนอยู่ซึ่งตั้งอยู่ใกล้บ้านที่เกิดเหตุเลย เพราะเห็นรูปแล้วทำให้คิดถึงเขา หรือแม้แต่บางครั้งออกไปข้างนอกได้ยินเสียงเรือยนต์หรือได้พบเห็นก็ถึงกับร้องไห้ออกมา ดังนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมคนร้ายได้และเขามาขออโหสิกรรมตนก็ขอให้เรื่องเลวร้ายผ่านพ้นไป ทุกคนจะได้อยู่อย่างสงบร่มเย็นเสียที
ด้านนางเหลี่ยม กล่าวว่า ดีใจที่เจ้าหน้าที่จับกุมตัวคนร้ายได้และพาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพแต่ก็ยังติดใจกรณี น.ส.ยุพิน ระบุว่าตัวเองไม่ได้ขึ้นไปบนบ้านที่เกิดเหตุแต่รออยู่ข้างล่างซึ่งในวันเกิดเหตุหลานของตนบอกว่าเห็น น.ส.ยุพิน ขึ้นไปบนบ้านพร้อมกับนายกฤษณะชัยและยังคว้าแขนของนางบัวเอาไว้อีกด้วย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ด้วย ส่วนการจับกุมตัวคนร้ายมาได้แม้จะผ่านไป 13 ปีแล้วนั้นตนก็ดีใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างมาก
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_415262