เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 23 เมษายน พลตำรวจเอกสุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา สบ.10 พร้อมด้วย พลตำรวจโทสุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พันตำรวจเอกบุญเลิศ บวรมหาชนก ผกก.สภ.สามร้อยยอด พร้อมด้วยชุดพนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด ได้นำตัวนายนิพนธ์ หรือ”ใหญ่ กุยบุรี” ช้างแก้ว อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่าครอบครัวผู้ดูแลนากุ้งในอำเภอสามร้อยยอด ประกอบด้วย นายสำราญ เพชรประดับ อายุ 40 ปี เจ้าของบ้าน พร้อมด้วยนางสาวรุ่งทิพย์ สายทอง อายุ 38 ปี และเด็กหญิงประภัสสร เพชรประดับ อายุขวบครึ่ง บุตรสาวและเผาบ้านเพื่ออำพรางคดี มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านเลขที่ 100 หมู่ 7 ตำบลศาลาลัย โดยมีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่ทราบข่าว มารอดูเหตุการณ์ตั้งแต่ช่วงเช้าเกือบ 300 คน ทำให้ต้องจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยกู้ภัยมูลสว่างเมธีธรรมสถานสามร้อยยอด ,กู้ภัยตำรวจทางหลวง จุดสามร้อยยอด มาอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัย ป้องกันการรุมประชาทัณฑ์
ก่อนทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พลตำรวจเอกสุวิระได้เข้าพูดคุยทำความเข้าใจกับญาติของผู้เสียชีวิตที่รออยู่ตั้งแต่เช้าเพื่อขอไม่ให้ก่อเหตุทำร้ายผู้ต้องหา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายใหญ่ ผู้ต้องหาลงจากรถตู้ เพื่อมาทำแผนขั้นตอนการลงมือก่อเหตุฆ่ายกครัว 3 ศพ
นายใหญ่ได้อธิบายขั้นตอนนาทีก่อเหตุสยองในวันเกิดเหตุด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีอาการหวาดกลัวความผิด ว่า ช่วงค่ำได้ดื่มเหล้าแล้วเสพยาบ้าเข้าไป เพราะเกิดความโกรธแค้น กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ได้เดินมาเรียกนายสำราญ ซึ่งเป็นน้าชาย พร้อมสอบถามว่าได้นายสำราญเป็นคนแจ้งตำรวจมาจับตนหรือไม่ ซึ่งนายสำราญบอกว่าไม่รู้เรื่อง นายใหญ่ได้ทำทีเข้าใจแล้วหันหลังกลับ ก่อนจะชักอาวุธปืนขนาด 11 มม.ที่พกไว้ที่เอวหันมายิงใส่นายสำราญไป 1 นัด
นายใหญ่กล่าวว่า จากนั้นนายสำราญได้หันหลังทำท่าวิ่งหนีเข้าบ้านไป จึงตามไปยิงซ้ำทางด้านหลังจนกระสุนหมดแม็กกาซีน จากนั้นตนจึงเข้าไปในบ้าน ตรงไปหาน.ส.สายทิพย์ น้าสะใภ้ ซึ่งร้องตกใจแล้วหันไปกอดประคองลูกสาวตัวน้อยไว้ในอ้อมกอดโดยหันหลังให้ ซึ่งนายใหญ่ได้เปลี่ยนแม็กกาซีนใหม่แล้วกระหน่ำยิงใส่น.ส.สายทิพย์จากด้านหลังหลายนัด จนร่างของน.ส.สายทิพทย์ ล้มหงาย และกระสุนได้ทะลุผ่านร่างไปโดนลูกสาวจนเสียชีวิตด้วยเช่นกัน ซึ่งตนไม่ได้จะยิงเด็ก เมื่อเห็นว่าทุกคนตายหมดแล้ว หลังก่อเหตุนายใหญ่จึงได้เดินไปที่บ้านพักของตนเองซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร
นายใหญ่ได้กลับมาบ้านที่เกิดเหตุ เห็นแกลอนน้ำมันวางอยู่ข้างรถยนต์ของนายสำราญ จึงได้ยกแกลลอนน้ำมันราดน้ำมันไปบนตัวรถ และเข้าไปราดน้ำมันภายในบ้าน ราดน้ำมันบนร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ราวเสื้อผ้า ผนังบ้าน ก่อนจะใช้ไฟแช็คจุดไฟเผากองผ้าจนเพลิงลุกไหม้ จากนั้นตนก็ออกมายืนดูผลงานบริเวณหน้าบ้าน จนแน่ใจว่าเพลิงได้ลุกไหม้แรงขึ้นแล้วและเผาบ้านทั้งหลัง นายใหญ่จึงขับขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป และนำปืนที่ใช้ก่อเหตุไปซ่อนไว้ในท่อระบายน้ำในบ่อน้ำของนายประยูร เพชรประดับ ญาตที่กุยบุรี แล้วก็หลบหนีไป จนมาถูกตำรวจจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา
ทั้งนี้บรรยากาศระหว่างการนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พบว่าชาวบ้านจำนวนมากที่มารอมุงดูตั้งแต่ช่วงเช้าต่างตะโกนสาปแช่งด่าทอ นายใหญ่ ให้ตายตกตามกัน เพราะใจคอโหดเหี้ยม และยังฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กหญิงวัยขวบเศษ โดยชาวบ้านต่างตะโกนให้ประหารชีวิตนายใหญ่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำตัวนายใหญ่ออกจากที่เกิดเหตุทันทีหลังจากที่ทำแผนเสร็จสิ้น
พลตำรวจเอกสุวิระกล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญ ได้สั่งการให้ตั้งคณะพนักงานสอบสวนเข้ามาร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียด จนมีหลักฐานเอาผิดผู้กระทำผิดอย่างชัดเจน และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างรัดกุม โดยขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 คน คือ นายนิพนธ์ หรือใหญ่ ช้างแก้ว ผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุ และรายที่ 2 คือ นายประยูร เพชรประดับ ซึ่งเป็นญาติของผู้ตาย ในข้อหากระทำความผิดฐานช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ซ่อนเร้น เอาไปเสียซึ่งเป็นพยานหลักฐานในการกระทำความผิด โดยสาเหตุที่ผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุเพราะโกรธแค้นเนื่องจากเข้าใจว่านายสำราญเป้นคนแจ้งตำรวจมาจับตนในข้อหามียาบ้าจำนวน 6 เม็ด และมีอาวุธปืน ซึ่งคดีนี้ก็ถือว่าคลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว
ขขอบคุณแหล่งข่าว จากข่าวสด https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_314842