จากการณีที่ นางน้ำเพชร (ขอสงวนนามสกุล) ได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน กรณีเรื่องลูกสาววัย 19 ปีถูก”ดาบ ย.” ตำรวจโรงพักแห่งหนึ่งในจ.แม่ฮ่องสอน ล่อลวงให้เสพยาเสพติดแล้วถ่ายคลิปแบล๊กเมล์ บังคับให้ค้าประเวณีให้กับข้าราชการผู้ใหญ่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีหญิงสาวตกเป็นเหยื่อหลายราย ซึ่งได้มีการร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน และตำรวจภูธรภาค 5 แต่เรื่องกลับเงียบ ไม่มีความคืบหน้า จึงตัดสินใจเข้าร้องเรียนต่อ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. ผ่านมา 6 เดือน เรื่องก็ยังไม่คืบหน้าแต่อย่างใด ล่าสุดหลังจากที่ตกเป็นข่าวพบว่าทางตำรวจพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้มีการ ชี้แจงออกมาว่าตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีอยู่ (อ่านข่าว แฉตำรวจบังคับ 20 สาวขายตัวรับรองขรก.ผู้ใหญ่ หลอกถ่ายคลิปเสพยาไว้แบล็กเมล์!
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 เม.ย. พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ในฐานะผู้บังคับบัญชา เปิดเผยกับทางสื่อมวลชนในเรื่องนี้ว่า จากกรณีที่มีข่าวและกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากในโลกโซเชียลเกี่ยวกับเรื่องของการที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้หนึ่งถูกกล่าวหาในเรื่องของการบังคับหยิงสาวค้าประเวณี และในเวลาต่อมาแม่ของหญิงสาวคนดังกล่าวได้นำเรื่อวราวไปเผยแพร่ในโซเชียลต่างๆ จนขณะนี้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นาๆ ในสังคม และมีความสับสน ซึ่งในความเป็นจริงคดีดังกล่าวทางตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจภูธร จ.แม่ฮ่องสอน ได้มีการดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง และจริงจัง โดยไม่ได้ละเลยหรือละทิ้งหน้าที่ รวมทั้งไม่ได้มีการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนไม่ได้รับความเป็นธรรม
พล.ต.ท.พูลทรัพย์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ย.2559 ที่ได้มีการดำเนินการระดมกวาดล้างในเรื่องของการค้าประเวณีในพื้นที่ โดยในการดำเนินการดังกล่าวได้มีการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในหลายๆ คดี จนนกระทั่งมาถึงคดีดังกล่าวที่เกิดเรื่องขึ้นในครั้งนี้ ทางแม่ของเด็ก ซึ่งปกตินั้นก็คลุกคลีอยู่กับตำรวจอยู่แล้วในฐานะเป็นสายข่าว และเป็นผู้ให้ข้อมูลข่าวสารในเรื่องของยาเสพติดและอาชญากรรมในพื้นที่
“แต่บังเอิญไปเห็นข้อมูลการติดต่อการค้าประเวณีที่มีรูปของลูกสาวตัวเองปรากฎอยู่ด้วย จึงเกิดความตกใจและมีการให้ดำเนินคดี และในเวลาต่อมาเมื่อได้มีการแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประมาณเมื่อช่วงเดือนพ.ย.2559 เจ้าหน้าที่ได้ล่อซื้อจากผู้หญิงคนที่ชื่อ เมย์ แต่ปรากฎว่าวันที่ทำการล่อซื้อนั้นคนที่ชื่อ เมย์ ไม่ปรากฎตัว ซึ่งภายหลังทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการสืบสวนและทำเป็นคดีขึ้นมา จนกระทั่งเมย์ได้เข้ามามอบตัวในที่สุด และกลายเป็นผู้ต้องหา โดยได้มีการดำเนินคดีตามกฎหมาย”
พล.ต.ท.พูลทรัพย์กล่าวว่า ต่อมาเมย์เข้ามามอบตัว แต่แม่ผู้เสียหายเชื่อว่ามีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องชื่อดาบ”ย.”ทำไมไม่โดนลงโทษ ทั้งที่ความจริง ตำรวจแม่ฮ่องสอน โดยผู้บังคับบัญชาสั่งให้ตรวจสอบดาบยุทธ์แล้วตั้งแต่เดือนพ.ย. ให้สอบสวนทั้งวินัยและอาญา จากการสืบสวนสอบสวนได้เสนอมาทางผู้การว่าให้ยุติการสอบ เพราะไม่มีหลักฐาน แต่ผู้การแม่ฮ่องสอนสั่งว่ายังยุติไม่ได้ ให้สอบเพิ่มอีก 4-5 ประเด็น ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ถึงขณะนี้
พล.ต.ท.พูลทรัพย์กล่าวว่า ล่าสุด 20 ก.พ.60 อัยการมีหนังสือส่งมาให้สอบสวนเพิ่ม ทั้งผู้เสียหาย แม่ผู้เสียหาย และผู้ที่เกี่ยวข้อง กว่าจะติดตามสอบบุคคลเหล่านี้ได้ก็ปาเข้าไปวันที่ 25 มี.ค. เหตุที่สอบล่าช้าเพราะบุคคลเหล่านี้อยู่กรุงเทพ ทำให้การติดต่อลำบาก นอกจากนี้การตรวจสอบหลักฐานทางโทรศัพย์ก็ค่อนข้างล่าช้าเพราะตำรวจต้องขอความร่วมมือไปทางผู้ประกอบการ
พล.ต.ท.พูลทรัพย์กล่าวว่า เรื่องก็แค่นี้ไม่น่าไปออกข่าวให้คนเข้าใจผิดว่าตำรวจแม่ฮ่องสอน ตำรวจภูธรภาค 5 ไม่ดำเนินการอะไร ถ้าไม่มั่นใจก็น่าจะมาบอกตน เพราะเรื่องการค้ามนุษย์นั้นเราดำเนินการจริงจังและจับกุมมากที่สุด
“ตอนนี้นายดาบคนดังกล่าวก็โดนย้ายออกจากพื้นที่ไปช่วยราชการที่จ.แพร่หลายเดือนแล้ว แต่เราต้องให้ความเป็นธรรมกับดาบยุทธ์ เรายังไปบอกว่าผิดไม่ได้ ต้องรอผลการสอบสวน อย่าไปออกข่าวกันให้ตำรวจเสียหาย ว่าเข้าข้างตำรวจด้วยกันเอง ทั้งที่ความจริงแล้วตำรวจทำผิดก็ต้องโดนหนักกว่าคนอื่น”พล.ต.ท.พูลทรัพย์กล่าว
ขอขอบคุณแหล่งข่าว จากข่าวสด https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_314662