จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธสงครามถล่มยิง นายสมาแอ ดอเลาะ อายุ 64 ปี นายก อบต.ปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เสียชีวิตคารถกระบะขณะเดินทางเพื่อไปทำงานที่ อบต. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 กพ.ที่ผ่านมาและหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้พบรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุถูกนำไปเผาทิ้งห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กม. ทำให้ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากจนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายหลายราย (อ่านข่าว เปิดคลิปนาทีคนร้ายยิงถล่มนายกอบต.ยะหริ่ง ตร.คาดปมสร้างสถานการณ์-ขัดแย้งการเมือง
ล่าสุดวันที่ 23 กพ. พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการณ์ตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางไปที่ สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เพื่อติดตามความคืบหน้าในการคลี่คลายคดี โดยมี พล.ต.ต.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี รายงานถึงความคืบหน้าและผลการสืบสวนสอบสวนล่าสุดว่า ได้มีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยสังหารนายสมาแอแล้วจำนวน 8 ราย โดย 7 รายเจ้าหน้าที่ได้ใช้อำนาจกฎอัยการศึกควบคุมตัวเพื่อทำการสืบสวนสอบสวนที่ศูนย์ซักถามค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี
ประกอบด้วย 1.นายอิสมาแอ มะดีเยาะ 2.นายกิฟรี สาเหาะ ผญบ.ตะโละแมะนา อ.ทุ่งยางแดง 3.นายมะซอเร กามาลี อดีตนายก อบต.คลองมานิง 4.นายมาหามะ มะเซ็ง 5.นายรอหะ รือกิ 6.นายมูฮำหมัด กือตา 7.เป็นผู้ใหญ่บ้าน ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ และล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาสามารถจับกุมตัวนายสาอุดี วามิง และจากการสอบสวนให้การรับสารภาพว่าทำหน้าที่ขับรถให้มือปืนในวันเกิดเหตุ ก่อนจะนำอาวุธปืนไปทิ้งในคลอง ม.4 ต.ปิยามุมัง ก่อนจะนำรถกระบะที่ใช้ก่อเหตุไปเผาทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน
จากนั้นพล.ต.ท.รณศิลป์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้นำตัวนายสาอุดีลงพื้นที่ไปยังคลองที่สารภาพว่านำอาวุธปืนไปทิ้ง โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนจำนวน 10 นายได้ลงไปในน้ำเพื่องมหาอาวุธปืนทั้งหมด โดยใช้เวลาร่วม 30 นาทีกระทั่งพบอาวุธปืนและของกลางทั้งหมด ก่อนจะนำขึ้นมาตรวจสอบ ประกอบด้วย อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุนบรรจุในแม็กกาซีน อาวุธปืนอาก้าจำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุนบรรจุในแม็กกาซีน เสื้อยืดแขนยาวสีดำ 2 ตัวมีข้อความว่า กรมการปกครอง และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และหมวกไหมพรม 1 ชิ้น ซึ่งนายสาอุดีได้ชี้ยืนยันว่าของกลางที่พบทั้งหมดตนเป็นคนนำมาทิ้ง
สำหรับนายสาอุดีถือเป็นผู้ต้องหาและพยานคนสำคัญที่รับสารภาพข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีและทำให้คดีมีความคืบหน้าไปมาก เช่นเดียวกับ นายอิสมาแอ มะดีเยาะ ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 21 กพ. ที่ผ่านมาหลังไปกบดานบ้านภรรยาในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา และหลังจากถูกสอบสวน จึงได้รับสารภาพ พร้อมแจ้งเบาะแสข้อมูลทำให้เจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลเพื่อดำเนินการจับกุมกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารนายสมาแอ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเตรียมออกหมายจับต่อไป
พล.ต.ท.รณศิลป์กล่าวว่า จากการสืบสวนร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง สรุปได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องความขัดแย้งด้านการเมืองท้องถิ่น และเรื่องส่วนตัว ซึ่งคดีที่เกิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งประชาชนโดยทั่วไปจะมองว่าเป็นคดีความมันคงทั้งหมด แต่ที่จริงแล้วไม่ใช้คดีกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่คดีความมั่นคง ซึ่งจากคดีนี้ได้พิสูจน์ให้ทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นคนในพื้นที่ แต่ไม่ใช่ความมั่นคง ซึ่งเป็นความขัดแย้งดังกล่าว ซึ่งขณะนี้การสอบสวนคืบหน้าไปมาก ซึ่งใช้กฎอัยการศึกเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมา ซึ่งบางส่วนก็รับสารภาพ จนสามารถขยายผลและงมปืนที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุมาได้ 4 กระบอก และชี้จุดที่ทิ้งรถและนำไปเผา
ตนก็ขอให้ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ จะทำงานร่วมกัน และตอบคำถามของประชาชน ตอบคำถามสังคมได้ทุกข้อ ว่า สาเหตุเกิดจากอะไรอย่างไร ส่วนผู้ต้องสงสัยที่ควบคุมตัวมา บางส่วนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สามารถขยายผลจนได้ของกลาง เช่นเสื้อผ้า ซึ่งตรงกับคนร้ายที่สวมใส่ในขณะก่อเหตุซึ่งตรงกับภาพวงจรปิด ส่วนอาวุธปืนที่เจอต้องนำไปตรวจสอบพิสูจน์หลังฐาน หากปลอกกระสุนตรงกันก็ยืนยันตัวคนร้ายได้ ซึ่งหากพบว่ามีใครเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีทั้งหมด
ขอขอบคุณแหล่งข่าว จาก ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_229952