วันที่ 10 ก.พ. พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค มอบหมายให้ พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ สคบ.เข้าดำเนินคดีผู้ที่แอบอ้างเรียกรับเงินในการจดทะเบียนประกอบธุรกิจขายตรง เป็นเงินกว่า 300,000 บาท ซึ่งผู้แอบอ้างได้เข้ามอบตัวแล้วที่ สภ.หันคา จ.ชัยนาท และให้การปฏิเสธ
พ.ต.อ.ประทีป กล่าวว่า จากการที่ สคบ.รับจดทะเบียนประกอบธุรกิจขายตรง ซึ่งไม่มีการเสียค่าธรรมเนียม และไม่ได้เรียกรับผลประโยชน์ใดๆ แต่ปรากฏว่ามีผู้ประกอบการรายหนึ่ง มาขอยื่นจดทะเบียนแล้วมาให้ข้อมูลว่า ได้เสียค่าจดทะเบียนครั้งนี้เป็น 300,000 บาท เพื่อประกอบธุรกิจขายตรง ในฐานะตนเป็นผู้อำนวยการกองฯ จึงเชิญเข้ามาพูดคุย และได้รับทราบข้อเท็จจริงว่านายสุวราคริษฐ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ที่เข้ามอบตัวในวันนี้ เป็นนายหน้ารับจดทะเบียน โดยเรียกร้องเงินจากผู้ยื่นจดทะเบียนบริษัทขายตรง จำนวน 300,000 บาท โดยผู้เสียหายได้จ่ายเป็นเงินสด 230,000 บาท รวมทั้งโอนผ่านบัญชีธนาคาร 70,000 บาท ซึ่งอ้างว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปให้เลขาธิการ สคบ. และจะได้รับใบอนุญาตภายในหนึ่งสัปดาห์
จากนั้นเจ้าหน้าที่กองขายตรง และฝ่ายจดทะเบียน ของ สคบ. เมื่อได้ทราบข้อเท็จจริงรู้สึกตกใจ เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ของ สคบ.ไม่มีการเรียกรับเงินแต่อย่างใด เนื่องจากการจดทะเบียนไม่มีการเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น ทางเลขาธิการ สคบ.จึงได้มอบหมายให้พาผู้เสียหายมาร้องทุกข์ดำเนินคดีที่ สภ.หันคา ซึ่งก่อนที่จะเดินทางมาครั้งนี้ ได้วางแผนเก็บพยานหลักฐาน เป็นคลิปเสียง และหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงิน เนื่องจากมีการโอนเงินผ่านบัญชี เป็นเงิน 70,000 บาท นำมาเป็นหลักฐานในข้อหา “ฉ้อโกง” แต่จากการสอบถามไปยังพนักงานสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ซึ่งเป็นหน้าที่ของทาง สคบ.ในการรวบรวมหลักฐาน เพื่อติดตามรูปคดีต่อไป
ทั้งนี้จากข้อมูลในข้อมูลร้องทุกข์ของผู้เสียหายอ้างว่านายสุวราคริษฐ์ เป็นผู้ดำเนินการเรื่องขอจดทะเบียนกับ สคบ.เมื่อเดือน พ.ค.59 ต่อมาปลายเดือน ก.ย.59 บริษัทฯ ได้รับหลักฐานว่า สคบ.ได้รับเรื่องไว้แล้ว ซึ่งหลังจากนั้นบริษัทฯ ยังต้องจ่ายเงินค่าให้คำปรึกษากับนายวราคริษฐ์ เป็นเงินเดือนละ 10,000 บาท แต่เวลาล่วงเลยมาเป็นเวลาหลายเดือน บริษัทฯ ก็ยังไม่ได้รับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจขายตรงแต่อย่างใด จนเลขาธิการ สคบ.เกษียณอายุ และเปลี่ยนเลขา สคบ.ใหม่ เมื่อติดตามทวงถามหลายครั้งตั้งแต่เดือน ต.ค.59 จนถึงปัจจุบันก็บ่ายเบี่ยงว่า สคบ.เรียกเอกสารเพิ่มบ้าง เรื่องกำลังจะเซ็นบ้าง ทำให้เชื่อว่าถูกหลอกลวงอย่างแน่นอนจึงทำหนังสือร้องทุกข์มายัง สคบ. เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายวราคริษฐ์ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องด้วย
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_214394