ชั้นต้นศาลจังหวัดพิษณุโลกพิจารณาคดีสั่งตัดสินจำคุก 3 ตำรวจก่อคดีไล่ยิง-ทำร้าย 5 นักศึกษามหาวิทยาลัยดังกลางเมืองพิษณุโลก

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ม.ค. ที่บัลลังก์ 2 ศาลจังหวัดพิษณุโลก ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพิษณุโลก ได้อ่านคำพิพากษาในคดีนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ชั้นปีที่ 3 สาขารัฐศาสตร์ จำนวน 5 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 คน คือ ส.ต.อ.สุบิณ นุชขำ ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จ.พิษณุโลก (จำเลยที่ 1) ร.ต.ท.ธนาคาร ชัยพิพัฒน์ สังกัดกลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.พิษณุโลก (จำเลยที่ 2) และ ร.ต.อ.วุฒิภัทร บัวอุไร สังกัดกลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.พิษณุโลก (จำเลยที่ 3) ขับรถไล่ทำร้ายร่างกายนักศึกษาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดตั้งแต่ช่วงค่ำคืนของวันที่ 18 มี.ค. 2559 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะเกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ จนนำมาสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวน และมีหนังสือคำสั่งจาก พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบช.ภ.6 ในขณะนั้นให้ออกจากราชการไว้ก่อนทั้งหมด พร้อมดำเนินคดีหลายข้อหาหนัก จนเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล และนัดสืบพยานเสร็จสิ้นเมื่อเดือน ธ.ค. 59 จนศาลนัดฟังคำพิพากษาวันนี้

โดย นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายของผู้เสียหาย กล่าวว่า เบื้องต้นในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นวันนี้พิพากษาว่า ทางฝั่งโจทก์ยื่นฟ้อง 5 ข้อหาหนัก ซึ่งศาลพิพากษาจำเลยทั้ง 3 คน มีความผิดจริงตามมาตรา 309 วรรค 2 มาตราเดียว เพราะเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายและลงโทษบทหนักสุด โดยลงโทษจำเลยแต่ละคนไม่เท่ากัน และยกฟ้องในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สั่งจำคุกจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 คนละ 1 ปี ฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวและข่มขืนจิตใจผู้อื่น แต่ความผิดฐานทำร้ายร่างกายจำเลยให้การเป็นประโยชน์ยอมรับสารภาพบางข้อหาในระหว่างสืบพยาน และนำเงินมาบรรเทาความเสียหายให้ฝ่ายโจทก์คนละ 40,000 บาท ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ศาลลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 จำนวน 11 เดือน จำเลยที่ 2 และ 3 จำนวน 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา โดยอนุญาตให้ประกันตัวโดยวางหลักทรัพย์คนละ 500,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังผู้พิพากษาตัดสินคดีความในศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นแล้ว ทางกลุ่มนักศึกษาและญาติที่มาร่วมรับฟังคำพิพากษาในวันนี้ ต่างรู้สึกพึงพอใจและเคารพผลการตัดสินพิจารณาของศาล แต่ก็จะขอยื่นอุทธรณ์กับศาลในข้อห้าร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต่อไป ทั้งนี้นักศึกษายังรู้สึกหวาดกลัวกับการกระทำที่รุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จึงอยากฝากไปถึงผู้ที่ถูกกระทำให้ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และป้องกันการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้เกิดเรื่องกรณีนี้ซ้ำอีก.

ข้อมูลภาพ/ข่าว

ทีมข่าววิภาวดี

แหล่งข่าวจาก  ข่าวชัดประเด็นจริง  http://www.khaochad.com/72225/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *