คืบหน้าญาติและชาวบ้านแค้น รุมประชาทัณฑ์หนุ่มรับเหมาเมายาบ้าคลั่งใช้สว่านทุบและเจาะศีรษะ ลำคอ ใบหน้า แขน ลำตัวเมียสาวเสียชีวิตคาเตียงนอนอย่างโหดเหี้ยมพิสดารผิดมนุษย์ ขณะ ตร.คุมตัวมากราบขอขมาศพและทำแผน แม่ญาติเรียกร้องประหารชีวิตให้ตายตกไปตามกัน
(29 ม.ค.60) ความคืบหน้าเหตุการณ์สะเทือนขวัญหนุ่มรับเหมาหินขัดอ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เมายาบ้าคลั่งจิตหลอนระแวงจะมีคนมาทำร้าย ใช้สว่านทุบและเจาะศีรษะ ลำคอ ใบหน้า แขน และลำตัว ภรรยาของตัวเองเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมทารุณบนเตียงนอน เมื่อช่วงเช้ามืดวานนี้ (28 ม.ค.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้หลังจากก่อเหตุไม่นาน
ล่าสุด พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผกก.สภ.กระสัง ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ศุภกฤต คุณประทุม รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.กระสัง พร้อม ร.ต.อ.ธนัช นครไธสง ร้อยเวรฯ สภ.กระสัง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 20 นาย ควบคุมตัวนายวินัย อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่าภรรยาตัวเอง มากราบขอขมาศพของ น.ส.เบญจมาศ อายุ 22 ปี ผู้เสียชีวิตซึ่งตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ม.4 บ.เสม็ด ต.ชุมแสง อ.กระสัง บ้านที่เกิดเหตุ
ตามคำร้องขอของแม่และญาติ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของแม่และญาติพี่น้อง โดยขณะที่นายวินัย ผู้ต้องหากราบขอขมาศพ ทั้งญาติและชาวบ้านที่มาร่วมงานศพนับร้อยคนต่างตะโกนสาปแช่งด้วยความโกรธแค้น เพราะรับไม่ได้กับการกระทำที่โหดเหี้ยมพิสดารผิดมนุษย์
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปทำแผนยังจุดเกิดเหตุในห้องนอน ซึ่งอยู่บนชั้นสองของบ้าน ท่ามกลางการดูแลความเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มข้น เพราะเกรงจะถูกรุมประชาทัณฑ์ ซึ่งขณะทำแผนนายวินัย ก็ยอมรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุใช้สว่านแทงคอเมียขณะนอนหลับจริง
ก่อนจะลงมือทุบศีรษะและเจาะตามใบหน้า ลำคอ แขน และลำตัวหลายแผลจนเสียชีวิต ซึ่งถือเป็นวิธีการฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมทารุณมาก โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาทำแผนในห้องนอนประมาณ 20 นาทีก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
แต่จังหวะที่กำลังคุมลงมาจากบ้านเพื่อขึ้นรถตู้ที่จอดเตรียมไว้ ทั้งญาติและชาวบ้านต่างกู่เข้ารุมประชาทัณฑ์นายวินัย ผู้ต้องหาด้วยความโกรธแค้นจนเกิดการชุลมุนเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรีบนำตัวกลับโรงพัก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ซึ่งเบื้องต้นก็ได้แจ้ง 3 ข้อหาหนัก “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) และกระทำความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว” ก่อนจะควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นางเกือง อายุ 52 ปี ป้าผู้เสียชีวิตกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นใครที่กระทำโหดเหี้ยมทารุณได้ขนาดนี้ ทั้งตนและญาติของผู้ตายไม่มีใครรับได้ หากปล่อยไว้ก็จะเป็นภัยต่อสังคม จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อให้ได้รับโทษอย่างสาสม หากเป็นไปได้ก็อยากเรียกร้องให้ประหารชีวิตให้ตายตกไปตามกัน
นายไมตรี อายุ 59 ปี ข้าราชการครูในหมู่บ้านก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่ผ่านมามาเคยเห็นใครกระทำได้โหดเหี้ยมทารุณมากขนาดนี้ โดยเฉพาะเหตุการณ์นี้ที่ผู้ต้องหาก่อเหตุเพราะฤทธิ์ของยาเสพติด จึงอยากให้ผู้รักษากฎหมายได้ดำเนินการลงโทษกับผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด ให้ตายตกไปตามกัน ทั้งนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเอาจริงเอาจังกับผู้ค้าผู้เสพยาเสพติดด้วย เพราะถือเป็นภัยต่อสังคมอย่างร้ายแรง
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก สนุ๊กนิวส์ http://news.sanook.com/2160534/