เผาศพน้องทราย สาวเมืองคอนเขียนจดหมายสั่งเสีย 3 ฉบับก่อนผูกคอตายประชดรัก –โดยเจ้าอาวาสเทศนาสั่งสอนย้ำมนุษย์ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง ทุกคนย่อมเป็นไปตามธรรม ขอให้กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ในการนำหลักธรรมมาใช้ในการดำรงชีวิต-แม่น้องทรายที่แยกทางกับพ่อหายไปกว่า 15 ปีโผล่ร่วมเผาศพบุตรสาว
จากกรณีที่ น.ส.ทรายหรือบี อายุ 19 ปี บ้านอยู่ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช กินยากำจัดลูกน้ำและผูกคอตายซ้ำที่บ้านเพื่อนในท้องที่บ้านพระมงกุฎ หมู่ 1 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ม.ค.) โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพบจดหมาย 3 ที่ น.ส.ทรายหรือบี บรรจงเขียนถึงเพื่อนรุ่นพี่ชื่อ “พี่นิวส์” ,”ย่าแดง” และ “มายด์”แฟนหนุ่ม โดยมีข้อความส่งเสียในเรื่องต่าง ๆ อย่างน่าสงสาร เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า น.ส.ทรายหรือบี ตั้งใจฆ่าตัวตายเอง จึงติดต่อญาติ ๆ มานำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีและอยากให้แฟนหนุ่มของน้องทราย หรือบี มาร่วมงานศพตามความต้องการที่ระบุไว้ในจดหมายตามที่เสนอข่าวมาแล้วนั้น
วันที (26 ม.ค.) ที่ฌาปนสถานวัดพรหมโลก ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช พระครูบรรหารวุฒิชัย “พ่อท่านรงค์” เจ้าอาวาสวัดพรหมโลก เป็นประธานสงฆ์ประกอบพิธีฌาปนกิจศพน้องทราย หรือบี โดยมีญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงจำนวนกว่า 100 คนมาร่วมในพิธี นอกจากนี้นายมายด์ แฟนหนุ่มของน้องทราย พร้อมเพื่อน ๆ 6-7 คนได้เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมาร่วมในพิธีดังกล่าวท่ามกลางความเศร้าสร้อย และร่วมหามโลงศพลงจากรถบรรทุกขึ้นไปวางบนแท่นในเมรุ ในขณะที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องจนลานบริเวณทำให้น้ำท่วมขังบริเวณหน้าเมรุเป็นวงกว้างส่งผลให้การประกอบพิธีเป็นไปด้วยความยากลำบาก
พระครูบรรหารวุฒิชัย “พ่อท่านรงค์” ได้เทศนา 1 กัณฑ์เกี่ยวกับชีวิตของมนุษย์ที่เกิดมาในโลกใบนี้ โดยกล่าวเทศนาว่าครอบครัวของน้องทราย ผู้ตายอยู่ไม่ไกลจากวัด และต่างเข้ามาทำบุญในวัดเป็นประจำ ทำให้อาตมารู้จักสนิทสนมกับน้องมทรายและครอบครัวเป็นอย่างดี โดยตั้งแต่เล็ก ๆ พ่อแม่ของน้องทรายแยกทางกันตั้งแต่น้องทรายยังเล็ก ๆ พ่อและย่าแดง รวมทั้งป้า ๆ อา ๆ ได้ช่วยกันเลี้ยงน้องทราย โดยพาน้องทรายมาวัดวิ่งเล่นเป็นประจำ โดยส่วนตัวอาตมาสนิทกับน้องทรายเป็นอย่างดีและพบว่าน้องทรายเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง จนเมื่อน้องทรายเติบโตและเรียนหนังสื่อจนจบในระดับหนึ่งจึงออกไปหางานทำทั้งที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และทราบว่าไปทำงานที่กรุงเทพด้วยทำให้ไม่ค่อยได้พบกันมากนัก จนกระทั้งมาทราบข่าวการเสียชีวิตด้วยการผูกคอตาย
“ชีวิตคนเรามีกรรมเป็นของตัวเองทุกคน กรรมคือการกระทำ ซึ่งทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หากทำดีก็เรียกว่ากรรมดี ในทางตรงข้ามหากทำชั่วก็เรียกว่ากรรมชั่ว ทำกรรมอะไรไว้ย่อมได้รับสิ่งนั้น น้องทรายก็เช่นกันอาจจะทำกรรมไม่ดีไว้ในชาติภพก่อนจึงมาชดใช้ในชาติภพนี้ การเสียชีวิตของน้องทรายอาตมาไม่อยากให้โทษคนโน้นคนนี้ขอให้ใช้เหตุการณ์ที่วิกฤติมาเป็นโอกาสเป็นอุทาหรณ์ในการดำรงชีวิต ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ๆ นำหลักธรรมและยึดมั่นในคำสั่งสอนขององค์พระพุทธเจ้าพระศาสดาแห่งพุทธศาสนามาใช้ในการในชีวิตประจำวัน ในส่วนของน้องทรายได้ชดใช้กรรมของตัวเองแล้ว ขอให้คนที่ยังมีชีวิตรวมกันกระทำในสิ่งที่ดีเพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับน้องทราบ แม้แต่การคิดดี มีใจเป็นกุศลก็ถือเป็นบุญแล้ว จึงอยากให้ทุกคนคิดในสิ่งที่ดี”เจ้าอาวาสวัดพรหมโลกเทศนาสั่งสอนในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากการประกอบพิธีทางศาสนาแล้วก็ถึงขั้นตอนของการฌาปนกิจศพ โดยมีการเปิดฝาโลงให้ญาติพี่น้องได้ดูหน้าน้องทราย ซึ่งนอนนิ่งไร้วิญญาณในโลงศพเป็นครั้งสุดท้ายท่ามกลางเสียงร้องระงมไปทั่วบริเวณ โดยนายมายด์ แฟนน้องทรายพร้อมด้วยเพื่อน ๆ ได้นำข้าวของเครื่องใช้ของน้องทรายที่อยู่กับนายมายด์ อาทิ เครื่องสำอาง ครีมอาบน้ำมาวางในโลงศพเพื่อเผปาไปพร้อม ๆ กับร่างกายของน้องมทรายด้วย ในขณะเดียวกันได้มีแม่ของน้องทราย ที่แยกทางกับพ่อน้องทราย ไปตั้งแต่อายุ 2 ขวบได้เดินทางมาร่วมพิธีร้องห่มร้องให้จนเป็นลมล้มพับ ทางนายมายด์ แฟนน้องทรายพร้อมญาติ ๆ น้องทรายต้องช่วยกันประคองกลับลงมาจากเมรุและให้นั่งพักผ่อนในเต้นท์ ในขณะที่ญาติ ๆ และผู้ที่มาร่วมฌาปนกิจศพน้องมทรายจับกลุ่มวิพากวิจารณ์ในลักษณะตำหนิแม่ของน้องทรายอย่างกว้างขวาง เพราะหลังจากแยกทางกับพ่อน้องทราย ตั้งแต่น้องทรายอายุ 2 ขวบเศษ จนน้องทรายกลายเป็นเด็ดกำพร้าไม่เคยมามีดูแลนานกว่า 15 ปี โดยไม่เคยกลับมาให้เห็นอีกเลย เพิ่งโผล่มาตอนเผาศพน้องทราย ซึ่งการที่น้องทรายถูกทิ้งไม่เหลียวแลจากแม่มาตั้งแต่เล็ก ๆ เมื่อน้องทรายถามถึงแม่ ทางพ่อและญาติต้องแกล้งบอกน้องทรายว่าแม่เสียชีวิตตอนเหตุการณ์ “สึนามิ” เมื่อปี 2547 เรื่องดังกล่าวจึงน่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้น้องทรายขาดความอบอุ่น และคิดมาก น้อยใจมาตลอด ซึ่งหากแม่น้องทราบไม่ทิ้งและเงียบหายไปนานถึงกว่า 15 ปี และรู้ว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่น้องทรายอาจจะมีความหวังในชีวิตโดยอาจจะตามหาแม่จนพบและอาจจะไม่ด่วนตัดสินใจผูกคอตายก็เป็นได้
นายมายด์ แฟนน้องทราย กล่าวว่า ตนและเพื่อน ๆ ได้รวบรวมเงินมาร่วมทำบุญและบำเพ็ญกุศลศพน้องมทราย 7,000 บาท และชวนกัน 6-7 คนขับรถยนต์ส่วนตัวมาจากประทุมธานีมาถึงงานศพในเวลาประมาณ 21.00 น.คืนที่ผ่านมา (25 ม.ค.) ตนยืนยันว่าตนยังไม่ได้เลิกกับน้องทราย แม้จะมีเรื่องทะเลาะกันบ้างจนน้องทรายกลับมาบ้านซึ่งเราได้โทรคุยกัน ปรับความเข้าใจกันแล้ว ในระหว่างที่คบกับตนพบว่าน้องมทรายมีความเครียด คิดมากและขี้น้อยใจ แต่ไม่ยอมบอกว่ามีเรื่องหนักใจอะไรอย่างไรหรือไม่ โดยส่วนตัวตนอยากจะบวชอุทิศให้น้องทราย แต่เนื่องจากตนมีภาระการงานติดพันอยู่จึงไม่สามารถบวชได้ แต่ในโอกาสต่อไปตนจะเวลาบวชอุทิศให้กับน้องทราย และขออโหสิกรรมให้กับน้องทรายทุกอย่าง ขอให้ดวงวิญญาณของน้องมทรายไปสู่สุขคติ ตนและเพื่อน ๆ จะหมั่นทำบุญอุทิศไปให้อย่างต่อเนื่อง หลังฌาปนกิจศพน้องทรายเสร็จแล้วตนและเพื่อน ๆ จะเดินทางกลับประทุมธานีในคืนนี้ (26 ม.ค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ที่มาร่วมพิธีฌาปนกิจศพน้องทรายส่วนใหญ่ต่างชื่นชมนายมายด์ และเพื่อน ๆ ที่อุตส่าห์เดินทางมาร่วมสวดพระอภิธรรมศพและฌาปนกิจศพน้องทราย แม้นายมายด์และเพื่อน ๆ จะไม่ค่อยมีเงินมากนัก แต่ได้เรี่ยไรหยิบยืมพรรคพวกเพื่อนฝูงเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาร่วมงานศพที่ จ.นครศรีธรรมราช อย่างไรก็ตามนายไพฑูรย์ อินทศิลา อุปนายกมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้นายมายด์และเพื่อน ๆ เพื่อช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับ จ.ประทุมธานีต่อไป.
ภาพ : ข่าว // ไพฑูรย์ อินทศิลา/กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช