ตร.วังทอง พิษณุโลกจับแล้วโจรฆ่าชิงทรัพย์สาว แฉพฤติกรรมใช้จยย.ตามประกบ ขณะเหยื่อขี่รถ จยย.จะไปรับสามีที่ทำงานสบโอกาสถีบรถจนล้มคว่ำ เพื่อแย่งกระเป๋า แต่เหยื่อต่อสู้ขัดขืน เลยลากลงไปจับหัวกด คูน้ำข้างถนนจนสิ้นใจ แต่ดันทำมือถือตกในที่เกิดเหตุ เลยเป็นหลักฐานถูกตามจับ ส่วนอีกรายเป็นแม่ค้าเมืองเลย จะออกไปจ่ายตลาดตอนเช้ามืด โจรขี่จยย.ประกบแล้วถีบรถ จนล้ม ก่อนชิงเงินสดกว่า 7 พันบาทหลบ หนีไป
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. พ.ต.ท. สุรเดช พจนาวงษ์พานิช ผกก.สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก พ.ต.ท.สุทธิพันธ์ วันที รอง ผกก.สส.สภ.นครไทย ร่วมกันแถลงจับกุมนายวิโรจน์ เกิดช้าง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ 18 ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมของกลางหมวกกันน็อกสีดำ 1 ใบ เสื้อยีนส์แขนยาวสีน้ำเงิน 1 ตัว รองเท้าผ้าใบสีดำ 1 คู่ กระเป๋าสะพาย 1 ใบ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง จักรยานยนต์ฮอนด้า ทะเบียน 1 กช 1772 พิษณุโลก
พ.ต.ท.สุ รเดช เปิดเผยว่า เมื่อกลางดึก วันที่ 10 มิ.ย. รับแจ้งพบศพนางเกษร ชาปาน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 9 ต.นาหนองทุ่ม อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น อยู่ในคูน้ำริมถนนสายเลี่ยงเมือง สี่แยกอินโดจีน-บึงพระ หมู่ 6 ต.วังพิกุล อ.วังทอง และยังพบรถจักรยานยนต์ของผู้ตายจอดล้มอยู่ข้างๆ ต่อมานายสมควร ชาปาน อายุ 34 ปี สามีของผู้ตายเดินทางมาดูศพ ยืนยันว่าภรรยาไม่น่าเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ แต่น่าจะถูกคนร้ายถีบรถจนล้มเพื่อชิงทรัพย์ เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันแฟนสาวเพิ่งเดินทางจากบ้านที่ จ.ขอนแก่น มาหาตน โดยก่อนเกิดเหตุตนนัดให้ขับรถมารับหลัง เลิกงาน แต่ก็รอนานจนผิดสังเกต โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ จึงร่วมกับเพื่อนๆ ช่วยกันออกติดตามหาจนกระทั่งไปพบศพ
พ.ต.ท.สุรเดชกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบร่องรอยการต่อสู้ มีโทรศัพท์มือถือตกอยู่ 1 เครื่อง สงสัยว่าอาจเป็นของคนร้าย ภายหลังตรวจสอบแล้วทราบว่าเป็นโทรศัพท์ของนายวิโรจน์ ผู้ต้องหา จึงร่วมกับตำรวจสภ.นครไทย ตามตัวจับกุมตัวได้ในที่สุด สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เห็นผู้ตายขี่จักรยานยนต์มาเพียงลำพัง และคล้องกระเป๋าสะพายมาด้วย เลยคิดว่าน่าจะมีทรัพย์สินติดตัวมาด้วยแน่ๆ จึงวางแผนขับรถตามหลังมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุก็สบโอกาสใช้เท้าถีบรถผู้ตายจนล้มคว่ำ แล้วตรงเข้าไปกระชากกระเป๋า แต่ผู้ตายต่อสู้ เลยลากลงไปในคูน้ำจับหัวกดน้ำจนแน่นิ่ง จากนั้นก็หยิบเอากระเป๋าสะพายของผู้ตายหนีกลับไปบ้านพัก อ.นครไทย แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าทำโทรศัพท์หล่นไว้ในที่เกิดเหตุ กระทั่งถูกจับกุมได้ดังกล่าว
วันเดียวกัน ยังได้เกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันที่ จ.เลย โดยเมื่อเวลา 06.10 น. พ.ต.ต.วาณิช ภูดวงดาษ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองเลย รับแจ้งจากนางจันทร์ศรี โปรณะ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 164 บ้านภูบ่อบิด ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย ว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.30 น.ที่ผ่านมา ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ซูซูกิ สีขาวดำ ทะเบียน ฉฉ-7738 เลย ออกจากบ้านเพื่อไปหาซื้อของที่ตลาดเช้า ระหว่างทางถูกคนร้ายดักชิงเงินสดไปประมาณ 7,300 บาท เหตุเกิดบนถนนเลย-นาด้วง หลังรับแจ้งจึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนไปตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.อ.ต่อศักดิ์ อรัญย กานนท์ ผกก.สภ.เมืองเลย และฝ่ายสืบสวน
เบื้องต้นจากการสอบสวนนางจันทร์ศรี ผู้เสียหายซึ่งได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าทั้งสองข้าง เนื่องจากรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำ ให้การว่า ขณะขี่รถจักรยานยนต์จากบ้านเพื่อไปหาซื้อของที่ตลาดเช้ามาขาย เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุมีคนร้ายชายวัยรุ่นขับขี่จักรยานยนต์ตามมาเพียงคน เดียว ไม่สวมหมวกกันน็อก โดยตนไม่ทันสังเกตว่าขับตามมาตั้งแต่เมื่อไร เมื่อขับตามมาทัน ก็เข้าประกบยกเท้าถีบรถตนจนล้มคว่ำ ส่วนรถของคนร้ายก็ล้มด้วยเช่นกัน เมื่อคนร้ายลุกขึ้นยืนได้แล้ว ก็ตรงเข้ามาค้นเอาเงินสดที่ตนใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อกันเปื้อน หลังได้เงินไปแล้วคนร้ายก็รีบยกรถขึ้นขับขี่หลบหนีไปทางซอยหนองงูเหลือม ส่วนตนเองได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า ต้องโทรศัพท์เรียกลูกชายให้มารับ เพื่อพาไปหมอที่โรงพยาบาลเลย ก่อนรีบเข้ามาแจ้งความ
พ.ต.อ. ต่อศักดิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาสภ. เมืองเลย เคยจับกุมคนร้ายคดีชิงทรัพย์ได้ 1 ราย ภายในวันเดียวลงมือก่อเหตุถึง 3 ครั้ง ส่วนรายนี้จากการสอบสวน เชื่อว่าน่าจะเป็นรายเดียวกับที่เคยชิงทรัพย์หน้าร้านข้าวต้มแห่งหนึ่งย่าน ถนนเสริฐศรี เพราะแผนประทุษกรรมคล้ายกัน ก็ให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบหาเบาะแสของคนร้ายจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียง แล้ว คาดว่าน่าจะได้ตัว เร็วๆ นี้ พร้อมกันนี้ยังสั่งการเจ้าหน้าที่สายตรวจ ให้ตรวจตราเข้มงวดย่านดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้นด้วย
ข่าวและภาพจาก: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1465786781