ปฏิรูปตำรวจอย่างเดียว ก็ไม่พอเสียแล้ว : วสิษฐ เดชกุญชร

หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับตำรวจในระยะนี้ ทำให้หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปตำรวจอย่างเร่งด่วน ตัวอย่างหนึ่งของเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นก็คือกรณี พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งถูกหาว่าเป็นผู้บงการให้อุ้มฆ่า น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง เพราะความหึงหวงที่ผู้ตายเข้าไปมีความสัมพันธ์กับ น.ส.กรรณิกา กรุมรัมย์ ซึ่ง พ.ต.อ.อำนวยมีความสัมพันธ์อยู่ก่อน

แต่อีกกรณีหนึ่ง นอกจากตำรวจแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่อีกหลายฝ่ายของกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวข้องด้วย กรณีนี้คือกรณีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ครูโรงเรียนบ้านม่วงไข่ประชาราษฎร์สงเคราะห์ ตำบลด่านม่วงคำ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร ซึ่งถูกหาว่าขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เหตุเกิดในปี พ.ศ.2548 คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกนางจอมทรัพย์ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง แต่ในปี 2556 ศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกนางจอมทรัพย์เป็นเวลา 3 ปี 2 เดือน ต่อมาในปี 2558 หลังจากที่อยู่ในคุกแล้วเป็นเวลา 1 ปี นางจอมทรัพย์ได้รับพระราชทานอภัยโทษ

ในขณะที่ถูกสอบสวน นางจอมทรัพย์บอกว่า นายตำรวจผู้เป็นพนักงานสอบสวนไม่ยอมฟังข้ออ้างที่ว่าขณะเกิดเหตุเธออยู่กับสามีและลูกที่บ้านในจังหวัดสกลนคร และในการสืบสวนตำรวจเพียงแต่ใช้เลขท้ายสองตัวของเลขหมายทะเบียนรถยนต์ของเธอเป็นหลักฐาน ทั้งๆ ที่เลขท้ายเดียวกันมีใช้อยู่ในจังหวัดอื่น รวมทั้งจังหวัดนครพนมอันเป็นที่เกิดเหตุด้วย

เหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อนางรจนา จันทรัตน์ เพื่อนครูของนางจอมทรัพย์ ดำเนินการสืบสวนด้วยตนเองจนพบตัวผู้ที่ขับรถยนต์ชนคนตาย และผู้ขับรถยนต์ผู้นั้นรับสารภาพกับนางรจนาว่าเขาเป็นผู้ที่ขับรถยนต์ชนคนตายจริงๆ

จะเห็นว่าคดีนางจอมทรัพย์นี้นอกจากตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนแล้ว ยังมีพนักงานอัยการตรวจและรับรองสำนวนก่อนที่จะยื่นฟ้องนางจอมทรัพย์ต่อศาล และนางจอมขวัญได้รับการพิจารณาโดยศาลถึง 3 ศาล ก่อนที่จะถูกตัดสินจำคุก

นายตำรวจผู้เป็นพนักงานสอบสวนคดีนางจอมทรัพย์ยืนยันว่าการสอบสวนเป็นไปด้วยความถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมาย และขออย่าให้สาธารณชนฟังความข้างเดียว

นางจอมทรัพย์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ และกรมสอบสวนคดีพิเศษได้พบผู้กระทำความผิดตัวจริงแล้ว แต่ในขณะที่กำลังรอความปรานีจากศาลนี้ สิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานอัยการสูงสุดควรจะรีบทำก็คือ สอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีนางจอมทรัพย์และพนักงานอัยการผู้ตรวจและรับรองสำนวนการสอบสวนของตำรวจว่าเป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักวิชาหรือไม่ หรือว่าเป็นไปอย่างมีอคติหรือสุกเอาเผากิน

ไม่ต้องสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้ประชาชนรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจและพนักงานอัยการ และไม่แน่ใจว่าหากตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา ตนจะได้รับความเป็นธรรมเพียงใด หรือไม่

ถึงเวลาแล้วที่ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานอัยการสูงสุดจะต้องปฏิรูปการทำงานของตำรวจและของพนักงานอัยการ หาไม่แล้วสุจริตชนก็จะมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวง ไม่คิดจะพึ่งระบบยุติธรรม และเมืองไทยก็จะเข้าสู่มิคสัญญี และกลายเป็นอาณาจักรของความกลัว

ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก มติชนออนไลน์  http://www.matichon.co.th/news/428551

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *