เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 ม.ค. ร.ต.อ.กล้าณรงค์ จันทรมณี รอง สว. (สอบสวน) สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตในโครงการประตูระบายน้ำอัดน้ำกลางคลอง-แม่น้ำวังทอง สำนักชลประทานที่ 3 กรมชลประทาน พื้นที่หมู่ 8 บ้านวังน้ำใส ต.แม่ระกา อ.วังทอง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจวิทยาการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวรโรงพยาบาลวังทองและเจ้าหน้าที่กู้ภัยบูรพา ที่เกิดเหตุอยู่บนสันปูนของช่องประตูระบายน้ำกว้างประมาณ 1 เมตร
พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมา คือ นายเฉลิมพล เบี้ยจั่น อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/8 ถ.พญาเสือ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อแขนสั้นสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงขายาวสีดำ มีบาดแผลถูกอาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงเข้าบริเวณแก้มขวาทะลุแก้มซ้ายเป็นบาดแผลเหวอะหวะฉีกขาดน่าสยดสยองยาวกว่า 10 ซม. และที่หน้าอกมีบาดแผลจากคมกระสุนปืนอีก 4 แห่ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชม. ใกล้กันพบย่ามสัมภาระ คันเป็ด และอุปกรณ์ตกปลาวางอยู่ และพบกระดาษหน้าอุดกระสุนปืนลูกซองจำนวน 3 ชิ้น แต่ไม่พบหมอนรองกระสุนปืนจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้จากการชันสูตรวิถีกระสุนปืนเบื้องต้นคาดว่าเป็นลักษณะการยิงกดจากบนลงล่าง หรือการจ่อยิงในระยะเผาขน ซึ่งจะต้องรอการชันสูตรที่ละเอียดแน่ชัดจากแผนกนิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราชอีกครั้ง
ต่อมา น.ส.สุดารัตน์ ครุฑนาค อายุ 21 ปี แฟนสาวของผู้เสียชีวิต หลังทราบข่าวได้เดินทางมาดูร่างแฟนหนุ่ม ถึงกับร้องไห้ฟูมฟายด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เปิดเผยว่า นายเฉลิมพล เบี้ยจั่น ผู้เสียชีวิต มีอาชีพเป็นช่างเชื่อมอยู่ที่ตัวเมืองพิษณุโลก และชอบตกปลาเป็นชีวิตจิตใจ โดยเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา แฟนหนุ่มบอกว่าจะขี่รถจักรยานยนต์ออกไปตกปลา จนกระทั่งสายของวันนี้ยังไม่เห็นกลับเข้าบ้าน ก่อนมีคนโทรมาบอกว่าผู้ตายถูกยิงเสียชีวิตจึงเดินทางมาดูศพ เพราะว่าปกติแฟนเป็นคนรักสันโดษ ไม่ค่อยสุงสิงคบเพื่อนที่ไหนและไม่ดื่มสุรา หรือมีคู่อริที่ไหนมาก่อน จึงยังไม่ทราบสาเหตุที่คนร้ายลงมือสังหารอย่างโหดเหี้ยม
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นสันนิษฐานคาดว่า ระหว่างที่นายเฉลิมพล เบี้ยจั่น ผู้เสียชีวิต ได้แอบลักลอบเข้ามาตกปลาที่ประตูระบายน้ำในช่วงเวลากลางคืน อาจจะมาเจอกับกลุ่มคนร้ายที่พากันมาตกปลาเช่นกัน หรืออาจเคยมีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อน เมื่อพบหน้าจึงมีเรื่องทะเลาะวิวาทถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายและใช้อาวุธปืนที่ติดตัวมาจ่อยิงจนเสียชีวิตคาที่ ก่อนจะพากันหลบหนีหายไปกับความมืด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจะลงพื้นที่ติดตามหาเบาะแสและหาตัวคนร้าย เพื่อจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
ข้อมูลภาพ/ข่าว
แหล่งข่าวจาก ข่าวชัดประเด็นจริง http://www.khaochad.com/65768/?r=1&width=1600