เมื่อเวลา 10.30 น วันที่ 12 ธ.ค. ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาเป็นประธานการประชุมกำหนดมาตรการเข้าจับกุมพระเทพญานมหานุมี หรือพระธัมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหา สมคบฟอกเงิน ฉ้อโกง รับของโจร และคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสร้างศูนย์ปฎิบัติธรรมในพื้นที่จ.นครราชสีมา และจ.เลย ร่วมกับพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดยพล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้จะมีการหารือกำหนดมาตรการการเข้าจับกุมพระธัมชโยเพิ่มเติม เพื่อให้การเข้าจับกุมมีความรอบคอบรัดกุมมากที่สุด ส่วนการกำหนดวันเข้าวันเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายยังไม่ดำเนินได้เร็วๆนี้ ขณะนี้ศาลยังไม่อนุมัติหมายค้น จึงยังไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ แต่ตำรวจก็ได้เตรียมความพร้อมอยู่ตลอด กรณีที่นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ออกมาแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชน อ้างว่า ทางพระธัมชโย ถูกเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจกลั่นแกล้ง และมีการนำสถาบันเบื้องสูงเข้ามาเกี่ยวข้อง ยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนการแถลงการณ์ดังกล่าว ตนได้มอบหมายให้ บก.ปอท.ดำเนินการตรวจสอบถ้อยคำแถลงของโฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ว่า เข้าข่ายความผิดในมาตราใดบ้าง หากพบก็จะดำเนินคดีทันที
“สำหรับการตรวจค้นทางจัดเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ไว้จำนวนมากนั้น เป็นการเตรียมดูแลความปลอดภัยของประชาชน เนื่องจากทางวัดพระธรรมกายมีศิษยานุศิษย์เดินทางมาปฎิบัติธรรมจำนวนมาก จึงเกรงว่ามือที่ 3 อาจฉวยโอกาสเข้ามาสร้างสถานการณ์ได้ หากพระธัมชโย มีการเข้ามอบตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็อาจมีการปรับเปลี่ยนแผนในการจับกุมตามความเหมาะสม” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว
ต่อมาเวลา 13.00 น. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษก ดีเอสไอ แถลงข่าวโต้ข้อกล่าวหาที่นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้แถลงข่าวแสดงท่าทีและจุดยืนของเครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลกต่อสื่อมวลชน
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ทางเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องในการจับกุมพระธัมชโย ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ และไม่มีการกลั่นแกล้ง ตามที่มีการกล่าวอ้าง ขั้นตอนการดำเนินการทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ หากพบว่าความไม่ชอบมาพากลสามารถแจ้งเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้
“ส่วนการที่เจ้าหน้าที่นำกำลังจำนวนมากในการเข้าจับกุม พระธัมชโย ที่เป็นพระภิกษุสงค์ อาจเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ นั้น ยืนยันว่ากำลังที่เจ้าหน้าที่นำไปส่วนใหญ่จะคอยรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ปฎิบัติอยู่ในวัดจำนวนมาก เนื่องจากอาจเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมขึ้นได้ และการเข้าจับกุมจะใช้กำลังเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
และวัดกล่าวหาว่า การนำกำลังเข้าจับกุมอาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะเน้นการเชิญตัวพระธัมชโย เข้าสู่ขบวนการยุติธรรม และจะไม่ใช้ความรุนแรงอย่างแน่นอน อีกทั้งการตรวจค้นในครั้งนี้จะเชิญสื่อมวลชนมาเฝ้าสังเกตุการณ์ เพื่อเป็นสักขีพยานด้วย” พ.ต.ต วรณัน กล่าว
ภายหลังใช้เวลาประชุมนานกว่า 4 ชั่วโมง พล.ต.อ ศรีสราห์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ พ.ต.ต.วรณัน และพ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระ ธรรมนูญ ร่วมแถลงผลประชุม
โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ทางด้านนิติวิทยาศาสตร์และขอมูลด้านเทคโนโลยี ในแผนปฏิบัติการ เพื่อไปชี้แจงต่อศาลในการขออนุมัติหมายค้น หากกรณีที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกาย แล้วมีเหตุให้ต้องดำเนินการทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ แต่จะใช้เวลาเท่าใดจะต้องชี้แจงและตอบคำถามศาลได้ ส่วนจะเข้าไปค้นวัดพระธรรมกายในสัปดาห์นี้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส ทางตำรวจได้จัดเตรียมกำลังไว้พร้อมแล้ว สามารถเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายได้ทันทีภายใน 24 ชม. หลังศาลอนุมัติหมายค้น รวมถึงได้ประสานไปทางกองทัพในเรื่องกำลังสนับสนุนแล้ว
“ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าตำรวจจะเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายตามคดีบุกรุกป่า ซึ่งเมื่อจับตัวพระธัมมชโยได้แล้วจะให้ดีเอสไอเป็นผู้อายัดตัวในคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจรนั้น หาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งมาก็สามารถทำได้ กรณีที่ทางวัดพระธรรมกายมีการเปลี่ยนผู้รักษาการเจ้าอาวาสนั้น ไม่เป็นปัญหาในการเข้าตรวจค้น หากทางวัดพระธรรมกายไม่ยินยอม และให้คนนำตรวจค้น ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้สามารถดำเนินการ นำคนกลางมาเป็นผู้นำค้นวัดได้เองได้ เป็นไปตามข้อกฎหมาย” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว
รอง ผบ.ตร.เผยอีกว่า กรณีที่ทางวัดพระธรรมกายมีการระดม ศิษยานุศิษย์ให้มาสวดมนต์ในวัด โดยมีการปิดบังอำพรางใบหน้านั้น ยิ่งปิดบังใบหน้า ยิ่งต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์หรือไม่ ถ้าถ้าไม่ใช่โจร เจ้าหน้าที่จะดูแลความเรียบร้อย และให้สวดมนต์ต่อไป หากเป็นโจรก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้น จึงอย่าทำตัวเป็นโจร และที่บอกว่าเจ้าหน้าที่ใช้กำลังกว่า 3,000 นายเข้าค้นวัด อยากถามว่านายองอาจ เข้าใจกฏหมาย ป.วิอาญา หรือไม่ เพราะเจ้าหน้าที่ที่ไปทำหน้าที่ค้นวัดนั้นต้องมียศ ร.ต.ต.หรือระดับสัญญาบัตร 3 ขึ้นไป ส่วนนอกนั้นเป็นกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยแกลูกศิษย์วัดเท่านั้น ใครจะสวดมนต์ก็สวดมนต์ไป หากขัดขวางเจ้าหน้าที่ ก็ต้องจับกุมดำเนินคดีตามกบิลบ้าน กบิลเมือง” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ทางดีเอสไอไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในการขอหมายค้นว่า ได้มีการขอหมายค้นกับศาลไปแล้วหรือไม่ รวมถึงวันเวลาในการเข้าตรวจค้น เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในแผนปฏิบัติการ ไม่สามารถเปิดเผยได้
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่า เมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ดีเอสไอได้ขอหมายค้นวัดพระธรรมกายแล้ว 4 วัน คือ วันที่ 13 – 16 ธ.ค.นี้ ส่วนจะมีการเข้าค้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.เป็นผู้พิจารณาและสั่งการ
แหล่งข่าวจาก ข่าวชัดประเด็นจิง http://www.khaochad.com/61150/?r=1&width=1600