ตำรวจรวบ“อาร์ม หนองบัว” คาเก๋งพร้อมเพื่อนสาวของกลางยาบ้า 84,000 เม็ด มูลค่ากว่า 16 ล้านบาท ก่อน รรท.รอง ผบช.ภ.7 ลงพื้นที่แถลงข่าว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ธ.ค.59 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช รรท.รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ รรท.ผบก.ภ. จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.จรินทร์ วัฒนไพรสาณฑ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.พูลศักดิ์ ประเสริฐเมธ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ชวลิต สุขสุวรรณ์ รองผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.สุทธิพงษ์ พืชมงคล รอง เสธ บก.ควบคุม พล.ร.9 พ.ต.ท.เวช พิสูตร์ รองผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.นิยม สุ่ยวงษ์ รอง ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.มานะ สำราญวงศ์ สว.กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี นายยงยุทธ สุโนภักดิ์ ป้องกันจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ บก.ปปส.ภาค 7 ร่วมแถลงข่าวจับกุมตัวนายอภิเมฆ หรืออาร์ม เฉียมวิจิตร อายุ 19 ปี จ.กาญจนบุรี และน.ส.กาญจนา หรือแอม อายุ 19 ปี จ.กาญจนบุรี ของกลางยาบ้า จำนวน 84,000 เม็ด รถยนต์เก๋งยี่ฮ้อโตโยต้า ยาริส สีแดง หมายเลขทะเบียน 3-กอ-566 กทม. จำนวน 1 คัน
พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช รรท.รอง ผบช.ภ.7 แถลงว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี นำโดย พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.เวช พิสูตร์ รอง ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.มานะ สำราญวงศ์ สว.กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุด สืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า จะมีขบวนการค้ายาเสพติดนำยาบ้าเป็นจำนวนมากไปส่งให้กับลูกค้าในเขตพื้นที่ ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา โดยใช้รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีแดง หมายเลขทะเบียน 3-กอ-566 กทม.เป็นพาหนะจากนั้น พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ รรท.ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี จึงสั่งการให้เฝ้าติดตามรถยนต์คันดังกล่าวอย่างกระใกล้ชิด
จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.00 น.ของวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา สายลับได้แจ้งเข้ามาว่ากลุ่มบุคคลต้องสงสัยกำลังขับรถยนต์เก๋งนำยาบ้าไปส่งในพื้นที่นัดหมาย พ.ต.ท.มานะ สำราญวงศ์ สว.กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมกำลัง จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์รถยนต์เก๋งคันดังกล่าวเอาไว้ตลอดเส้นทาง จนกระทั่งพบวิ่งมาจากทางด้านบ้านหนองสะแก มุ่งหน้าเข้าเขต อ.ท่าม่วง เจ้าหน้าที่จึงติดตามมาอย่างกระชั้นชิด พร้อมกับโทรแจ้งศูนย์วิทยุ 191 ให้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าม่วง ประจำป้อม 4 แยกไฟแดงมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ประจำจังหวัด กาญจนบุรี ให้เปิดสัญญาณไฟแดงค้างเอาไว้เพื่อให้รถยนต์คันดังกล่าวนั้นติดไฟแดง
ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็สามารถคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเอาไว้ได้พร้อมของกลางยาบ้าจำนวนดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้พยายามขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการ แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากผู้ร่วมขบวนการไหวตัวทันแล้วหลบหนีไปได้ จึงคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาสอบปากคำที่ ภ.จว.กาญจนบุรี
โดยผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ได้รับว่าจ้างจากนายอาร์ท ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ให้ไปรับยาบ้าที่วางอยู่ข้างเสาไฟฟ้าริมถนนพื้นที่หมู่ 5 ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เมื่อไปถึงก็พบบุคคลเป็นชายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนนำยาบ้ามาวางเอาไว้ จากนั้นจึงหยิบเอาขึ้นไปวางเอาไว้ที่เบาะหลัง เพื่อนำไปส่งให้กับลูกค้า แต่ก็มาถูกจับกุมตัวได้เสียก่อน โดยหลังจากแถลงข่าวแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับยาบ้าจำนวนดังกล่าวนั้น นำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยมีเครือข่ายอยู่ประมาณ 13 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่รู้ตัวหมดแล้ว และจะเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว สำหรับยาบ้าจำนวนดังกล่าวหากนำไปจำหน่ายคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 16,800,000 และการจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ใช้มาตรการยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด คือรถยนต์เก๋งที่ใช้เป็นยานพาหนะและทรัพย์สินอื่นๆ มีมูลค่าประมาณ 500,000 บาท
พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช รรท.รอง ผบช.ภ.7 แถลงต่อว่า การกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น ถือเป็นนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทุกหน่วยงานจะต้องบูรณาการร่วมกัน ทั้งในเรื่องการป้องกันราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมถึงการแจ้งข้อมูลเบาะแสการกระทำผิดในเรื่องดังกล่าว ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก คมชัดลึก http://www.komchadluek.net/news/crime/251398