กัวลาลัมเปอร์ (เอเอฟพี/รอยเตอร์) – นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย นำประชาชนชุมนุมประท้วงในวันอาทิตย์ เพื่อต่อต้านกรณีที่เรียกว่าการล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮีนจาในเมียนมา โดยเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียและทั่วโลกเร่งกดดันให้ยุติความรุนแรง
นายนาจิบกล่าวว่า การชุมนุมประท้วงที่สนามกีฬาชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ วันที่ 4 ธ.ค. เพื่อส่งสารไปถึงรัฐบาลเมียนมา ของนางออง ซาน ซู จี ว่าให้ยุติความรุนแรง นอกจากนี้ นายนาจิบยังร้องขอให้สหประชาชาติเข้าช่วยเหลือ และกล่าวว่าโลกไม่สามารถทนต่อการล้างเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นได้ ถ้อยแถลงของนายนาจิบเรียกเสียงสนับสนุนจากผู้ชุมนุมชาวมุสลิมหลายพันคนซึ่งรวมถึงผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจา นายกรัฐมนตรีนาจิบกล่าวว่า การทำร้ายและเข่นฆ่าชาวโรฮีนจาถือเป็นการดูหมิ่นอิสลามเช่นกัน พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดแห่งอินโดนีเซีย จัดการชุมนุมประท้วงในแบบเดียวกันที่กรุงจาการ์ตา เพื่อกดดันเมียนมามากขึ้น ทั้งสามเป็นสมาชิกใน 10 ประเทศสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ที่ยึดมั่นในหลักการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตาม การจัดการประท้วงของรัฐบาลมาเลเซียถือว่าขัดต่อนโยบายไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศสมาชิกอาเซียนที่เป็นหลักปฏิบัติมานาน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงต่างประเทศมาเลเซียออกแถลงการณ์ว่า การใช้ความรุนแรงกับชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮีนจาในเมียนมาเป็นการล้างเผ่าพันธุ์ ระบุข้อเท็จจริงที่ว่ามีเพียงกลุ่มชาติพันธุ์เดียวที่ถูกขับไล่เรียกว่าเป็นการล้างเผ่าพันธุ์ เมียนมาจะต้องหยุดการกระทำดังกล่าวทันทีเพื่อให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับมามีสันติภาพและเสถียรภาพอีกครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮีนจาถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของมาเลเซีย เพราะมาเลเซียและประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศมีชาวโรฮีนจาอยู่เป็นจำนวนมาก จึงถือว่าเป็นเรื่องระหว่างประเทศ
กระทรวงต่างประเทศมาเลเซียใช้ถ้อยคำแข็งกร้าวหลังจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมากล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า มาเลเซียควรเคารพกิจการภายในของประเทศอื่นและยึดนโยบายของชาติสมาชิกอาเซียน เรื่องไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิกด้วยกัน มาเลเซียได้เรียกเอกอัครราชทูตเมียนมามาเข้าพบเรื่องโรฮีนจาเมื่อสัปดาห์ก่อน และยกเลิกการแข่งขันนัดกระชับมิตรฟุตบอลทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี กับเมียนมาในเดือนนี้
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก แนวหน้า http://www.naewna.com/inter/247568