พีน้องประชาชนชาวแม่สาย ยื่นเรื่องเรียกร้องต่อ นอภ.แม่สาย ส่งเรื่องให้ ผวจ.เชียงราย เร่งแก้ไขปัญหาหมอกควันมลพิษทางอากาศให้เป็นเขตภัยพิบัติ
วันนี้ 27 มี.ค. เวลา 14.00 น. ณ ที่ลานหน้าที่ว่าการ อ.แม่สาย จ.เชียงราย กลุ่มพลังมวลชนเครือข่ายภาคเอกชนและพีน้องประชาชน นักเรียนนักศึกษาในเขตพื้นที่ อ.แม่สาย ประมาณกว่า 300 คน โดยมีนายเศวตยนต์ ศรีสมุทร รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย นายรชต ไชยวรรณ์ และนายนายตระสัก ศรีธิพรรณ์ ตัวแทนเครือข่ายฯ ได้รวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรมเรียกร้องให้แก้ไขไฟป่าและหมอกควันข้ามแดน ซึ่งมีการรับบริจาคอุปกรณ์ น้ำดื่ม ฯลฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าในพื้นที่และยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อนายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย เพื่อให้แก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวคือเจรจาหารือกับประเทศเพื่อนบ้าน ผลักดันให้เป็นวาระของอาเซียน รวมผลักดันให้ภาคเอกชนที่ไปส่งเสริมทำการเกษตรได้แก้ไขปัญหาเพื่อลดการเผาป่าจนเกิดเป็นฝุ่นละอองหมอกควันมลพิษทางอากาศข้ามมายังฝั่งไทยหนาแน่นในช่วงฤดูการเผาเศษวัชพืชและการเผาป่าของ 2 ประเทศเพื่อนบ้านเรา ที่สร้างปัญหาได้รับผลกระทบสะสมมานานนับ 13 ปี ที่ผ่านมา
ด้านนายเศวตยนต์ ศรีสมุทร กล่าวว่าปัญหาฝุ่นละอองหมอกควันเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีและยิ่งปีนี้เกิดรุนแรงกว่าเดิมจึงถึงเวลาที่จะต้องมีการแก้ไขปัญหา เพราะในอดีตนั้นเราไม่อาจเข้าถึงข้อมูลปัญหาได้แต่ปัจจุบันมีทั้งดาวเทียม แอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่แจ้งข้อมูลการเกิดไฟป่า จุดความร้อน ฯลฯ จึงทำให้ทราบถึงปัญหาได้อย่างชัดเจนว่าเกิดจากการเผาไหม้ทั้งในประเทศและฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นการแก้ไขปัญหาจึงต้องเป็นการแก้ไขระดับรัฐบาลที่จะต้องมีการเจรจาเพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องระหว่างประเทศโดยเฉพาะมีการทำการเกษตรพืชไร่
ด้านนายตระสัก กล่าวว่าการเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 ปีในช่วงนี้ถือว่าหนักที่สุดในรอบ 10 ปีนับตั้งแต่เกิดปรากฎการณ์ฝุ่นหนาแน่นเมื่อปี 2554 เป็นต้นมา ดังนั้นจึงทำให้ชาวแม่สายไม่อาจจะทนอยู่ได้อีกต่อไปเพราะถ้าปล่อยเอาไว้ไม่ทำสิ่งใดปัญหาก็จะเกิดขึ้นทุกปีและอาจจะหนักยิ่งขึ้นไปอีก กิจกรรมครั้งนี้จึงคาดหวังให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความสำคัญด้วยหลังจากยื่นหนังสือต่อทางนายอำเภอแม่สายแล้วทางกลุ่มพลังมวลชนมีกำหนดจะพากันเดินรณรงค์ไปยังบริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย แต่เนื่องจากฝุ่นละอองหนาแน่นโดยกรมควบคุมมลพิษรายงานว่าที่ อ.แม่สาย มีค่า PM 2.5 หนาแน่นถึงระดับ 543 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จึงให้งดการเดินในที่โล่งเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพทำให้กลุ่มพลังมวลชนใช้รถยนต์และรถดับเพลิงขับรณรงค์บนถนนสายหลักในตัวเมืองแม่สาย
ทางด้าน นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย กล่าวว่าพื้นที่ อ.แม่สาย เกิดจุดความร้อนหรือฮอตสปอตน้อยที่สุดและไม่มีการเผาแต่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 มากที่สุดในรอบ 10 ปี ดังนั้นปัญหาจึงไมได้เกิดขึ้นจากในพื้นที่แต่เกิดจากการปลิวมาจากนอกพื้นที่ นอกจากนี้จากการตรวจสอบสภาพอากาศพบว่าช่วงนี้ยังไม่มีลมและพายุเกิดขึ้นในช่วงอีก 1 สัปดาห์นี้จึงขอให้ประชาชนได้ระมัดระวังดูแลตัวเองในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
ในขณะที่นายแพทย์วัชพงศ์ คำหล้า นายแพทย์สาธาณสุข จ.เชียงราย ได้เปิดเผยข้อมูลสถิติผู้ป่วยทางเดินทางใจในพื้นที่ จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 5-11 มี.ค.มีจำนวน 4,335 คน ก่อนจะที่จะเพิ่มระหว่างวันที่ 12-18 มี.ค.เป็นจำนวน 4,847 คน และจึงค่อยลดลงในระหว่างวันที่ 19-26 มี.ค.เป็นจำนวน 3,478 ราย โดยอยูในเขต อ.แม่สาย ระหว่างวันที่ 5-11 มี.ค.จำนวน 290 คน ก่อนจะที่จะเพิ่มระหว่างวันที่ 12-18 มี.ค.เป็นจำนวน 478 คน และจึงค่อยลดลงในระหว่างวันที่ 19-26 มี.ค.เป็นจำนวน 372 ราย ส่วนใหญ่มีอาการแสบจมูกและเจ็บคอรวมทั้งเป็นผู้ป่วยนอกที่เข้ามารับการตรวจแล้วรับยากลับไปรักษาตามอาการที่บ้าน กระนั้นสำหรับผู้ป่วยหนักพบว่ายังคงมีเตียงรองรับผู้ป่วยอย่างเพียงพอและสำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย ได้จัดให้แต่ละโรงพยาบาลได้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
บก.เจี๊ยบแม่สายนิวส์ออนไลน์ //// รายงาน ////