วัติ ช้างเผือกคู่พระบารมีรัชกาลที่ ๙
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 เวลา 07.00 น.ผู้สื่อข่าวได้ลงไปสัมภาษณ์ชีวประวัติดาบชิต อดีตผู้ครอบครองช้างพระเศวต ร.ต.ต.ชิต เพ็ชรดำ อายุ 91 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/1ม.2 ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ซึ่งอดีตเคยเป็นผู้ครอบครองช้างและเลี้ยงดูช้างพลายแก้วหรือพระเศวต ช้างเผือกคู่บารมีของรัชกาลที่ ๙ และได้เล่าประวัติความเป็นมาของพระเศวตอดุลยเดช พาหนฯ ก่อนที่จะถวายเป็นช้างคู่บารมี ในรัชกาลที่ ๙ พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เป็นพระยาช้างเผือกประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นช้างสำคัญในตระกูลพรหมพงศ์ จำพวกอัฏฐทิศ ชื่อ กมุท สีกายดังดอกกมุท หรือบัวสายแดง
ร.ต.ต ชิต เพ็ชรดำ หรือ ดาบชิต ได้เล่าให้ฟังว่าได้พบช้างพลายแก้ว แถวบ้านไร่คอก ดินอุดม ตำบลลำทับ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ (ก่อนตำบลลำทับ เปลี่ยนสถานะเป็นอำเภอลำทับ ในปัจจุบัน) หมอเถ้าหรือหมอช้างในอดีตเข้าฝันเห็นช้างเข้าคอกถึงเจ็ดเชือกและหนึ่งในนั้นจะมีช้างพลายแก้วซึ่งเป็นลูกช้างที่มีแม่ชื่อว่านางมัจฉา ซึ่งมีลักษณะเป็นคชลักษ์ช้างเผือกช้างคู่บารมีในตำราไทย ซึ่งในขณะนั้นก็ได้มีควาญช้างที่ชื่อนายเขมเข้ามาทอดเป็นคนแรกเพื่อที่จะจับพลายแก้ว และได้รับบาดเจ็บทำให้แขนขวานั้นหัก หลังจากนั้นได้นำพลายแก้วไปตีราคาที่ว่าการอำเภอคลองท่อม และได้ประเมินราคาช้าง ซึ่งทางด้าน ดาบชิตได้เห็นว่าช้างพลายแก้วนี้มีลักษณะเข้าตามตำราคชลักษ์ช้างเผือกไทย จึงได้บอกว่าไม่สามารถประเมินราคาได้ และทางด้าน นายมังกร ณ.ถลาง นายอำเภอคลองท่อม มอบหมายให้ ดาบชิต เป็นผู้ดูแลช้างพลายแก้ว ซึ่งได้ทราบจากผู้ที่ใกล้ชิดว่า ตำรวจมือปราบท่านนี้ ว่ามีวิชาอาคมที่สามารถที่จะให้ช้างพลายแก้วควบคุมได้ ซึ่งพลายแก้วมีลักษณะพิเศษกว่าช้างตัวอื่นๆทั่วไปนั้นก็คือ คือจะไม่ยินยอมให้ควาญช้างหรือบุคคลใดเข้าใกล้ และถูกเนื้อต้องตัวเป็นอันขาดอาจจะได้รับอันตราย และนอกเหนือจากนั้นเป็นช้างที่พิเศษจะไม่เดินตามรอยเท้าช้างตัวอื่นๆ และไม่อาบน้ำร่วมกันช้างตัวอื่น ถ้าต้องอาบก็ต้องอยู่เหนือน้ำช้างตัวอื่นๆ และจนกระทั้งทางการได้ออกท้องที่เพื่อสำรวจและตีตราขึ้นทะเบียนสัตว์ให้ชาวบ้านจนมาพบพระเศวตแต่ก็ยังไม่รู้เพราะเนื้อตัวมีแต่โคลนจนเจ้าหน้าที่ให้นำไปล้างโคลนเพื่อจะบันทึกรูปพรรณสัณฐานแต่ก็ยังไม่ทราบแต่พอมาดูที่บันทึกอีกครั้งที่อำเภอคลองท่อมจึงรู้ว่าเข้าข่ายคชลักษ์ จึงแจ้งกับสำนักราชวังและสวนสัตว์ดุสิตเพื่อให้มาพิสูจน์ผลปรากฎว่าเป็นช้างเผือก ขั้นตอนนี้รู้สึกว่าจะไม่มีใครบันทึกไว้ และดาบชิต..ผู้ฝืนคำคำสั่ง เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ พ.ศ. 2494 – 2500 ให้ปล่อยพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯกลับเข้าป่าที่คลองท่อม กระบี่ และนับจากนั้น ดาบชิตได้ดูแลพลายแก้วเป็นอยู่ประมาณ 5 ปี กว่าที่บริเวณบ้านไม้ 2 ชั้นในตัวตลาดอำเภอคลองท่อม ก่อนที่จะนำส่งไปถวายเป็นช้างเผือกใน ร.๙ โดยขึ้นรถที่ว่าการอำเภอคลองท่อมหลังเก่า เดินทางไปยังจวนผู้ว่ากระบี่. และเดินทางไปส่งที่สถานีรถไฟห้วยยอด โดยที่ทางการได้เตรียมขบวนรถไฟพิเศษเตรียมไว้รอรับพลายแก้วในขณะนั้น
ดาบชิต หรือ ร.ต.ต.ชิต เพ็ชรดำ ปัจจุบันอายุ 91 ปี อดีตผู้ครอบครองพระเศวตรและตำรวจมือปราบพื้นที่สีแดงอำเภอคลองท่อม เข้ารับราชการตำรวจเมื่ออายุ 21 ปี เป็นตำรวจเกณฑ์ในสมัยนั้น มีอายุราชการ40 ปี ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาโดยตลอด. ไม่ว่าจะเป็นตำรวจมือปราบขุนโจรในสมัยนั้น และยังเป็นศิษย์มือขวาของขุนพันธ์รักษ์ อดีตตำรวจมือปราบมีวิชาอาคมชื่อดังของภาคใต้ ได้ไปติดตามออกนอกพื้นที่ราชการต่างจังหวัด กระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช และยังเป็นตำรวจ1ใน16นาย ที่ถูกฝ่ายกองกำลังทหารคอมมิวนิสในสมัยนั้น ล้อมโรงพักคลองท่อมอีกด้วย แต่ด้วยเป็นตำรวจที่กล้าหาญ ไม่เกรงกลัวและมีวิชาอาคมและต่อสู้จนฝ่ายกองกำลังได้ ล่าถอยและถูกฝ่ายทหารฝ่ายรัฐบาลที่ยกกำลังมาสนับสนุนช่วยเหลือได้ทันท่วงที ทำให้ทหารฝ่ายคอมมิวนิสบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ตรงบริเวณที่ว่าการอำเภอคลองท่อมหลังเก่า
ดาบชิตได้เล่าให้ฟังอีกว่า ตนเองเคยได้รับความกรุณามหาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ให้ไปถวายงานเป็นผู้ดูแลเป็นควาญช้างพระเศวตรในราชวังในสมัยนั้น แต่ในช่วงขณะนั้นเนื่องจากลูกชายไม่สบายหนัก จึงไม่สามารถไปรับใช้ใต้เบื้องยุคบาท ซึ้งได้รับการติดต่อไปถวายงานถึง. 3 ครั้ง เพราะช่วงนั้นไม่สามารถทิ้งครอบครัวไปได้เนื่องจากลูกไม่สบายหนัก และได้หยิบยืมเงินญาติเพื่อหาเงินไปรักษาอาการป่วยของลูกชาย เป็นจำนวน 7 หมื่นบาทในสมัยนั้น และสุดท้ายพระราชวังได้ทราบเรื่องของดาบชิต พระองค์ท่านได้ถวายพระราชทรัพย์เป็นเงินให้แก่ดาบชิต จำนวน 9 หมื่นบาท เพื่อไปช่วยรักษาและปลดหนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือทางครอบครัวดาบชิตในครั้งนั้น และยังพระราชทานเข็มตราสัญลักษณ์ เพื่อจะได้ไปเยี่ยมพระเศวต และเมื่อครั้งหนึ่งดาบชิตได้เข้าไปเยี่ยมพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ในวัง พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เมื่อเห็นดาบชิต..น้ำตาก็ไหลจากดวงตาบ่งบอกถึงความผูกพันเมื่อครั้งอดีต
ข้อมูลข่าว / ภาพ : อติพจน์ ศรีสุคนธ์
มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน
แหล่งข่าวจาก ข่าวชัดประเด็นจริง http://www.khaochad.com/56683/?r=1&width=1600