Skip to content
กมธ.ป.ป.ช. เดินสายทำงานเพื่อประชาชน และคนชาติพันธุ์ เรื่องบัตร 0-89-เรื่องบัตรแรงงาน และมาร่วมงาน วันช้างไทยลำปาง
(จับตาศูนย์ช้างไทยจะพินาศเพราะคนเลว)
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางด้าน ท่าน สุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ตเขต 1 ประธานกรรมาธิการ การปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางไปที่อำเภอปาย และอำเภอ ปางมะผ้าเพื่อไปดูเรื่องบัตรของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ ที่บ้านสบป๋อง เส้นทางไปสู่ด่าน ชั่วคราว ปางคาม อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์หลายชาติพันธุ์ หลายกรณี ทั้งเรื่องสิทธิที่จะได้สัญชาติ เพราะมีการเดินเรื่องไปที่ อำเภอหลายครั้งแต่ไม่ได้รับความเอาใจใส่จากทางเจ้าหน้าที่แต่ประการใด ปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อ มาอย่างยาวนาน จึงมาร้องขอความช่วยเหลือจากท่านส.ส.สุทา ประทีป ณ ถลาง เพราะท่านได้เดินเรื่องการช่วยเหลือเรื่องบัตร เรื่องรัฐชาติ เรื่องการยกเลิกบัตรแรงงานให้กับกลุ่มคนที่มีถิ่นที่อยู่ที่ถาวร ตามมติ ครม.ก่อนปี 2548 และ หลังปี 2548 ที่อยู่ในกลุ่ม 0-89 และ บัตรพื้นที่สูงบัตรหัว 6 จึงเข้ามาให้การช่วยเหลือและรับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการต่อไป
จุดที่ 2 ไปที่ บ้านน้ำเพียงดิน อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องอสนเพื่อ ไปดูพื้นที่ เส้นทางที่มีกลุ่มคนที่อพยพเข้ามาเนื่องจากเป็นพื้นที่ติดกับพม่า เพื่อที่จะทำรายงานให้กับนายกรัฐมนตรี แต่ก็ปรากฏว่า ทหารที่ประจำการอยู่ในพื้นที่ นี้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งจึงทำให้พื้นที่น้ำเพียงดินไม่มี กลุ่มต่างด้าวลักลอบเข้าพื้นที่ แต่ประการใด
12 มีนาคม 2565 ท่านส.ส.สุทา ประทีป ณ ถลาง รอง ประธานกรรมาธิการ ปปช.สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางมาที่ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง เพื่อร่วมงานในพิธี บวงสรวง พระองค์ดำ หรือสมเด็จพระนเรศวร มหาราชที่ศาลหน้าทางเข้าของศูนย์ ต่อจากนั้นก็ได้ มาร่วมในพิธี ทำบุญให้กับช้างที่จากไป พร้อมทั้ง ควานช้างที่สุสานช้าง ภายในที่ตั้งของ ศูนย์อนุรักษ์ ช้างไทย
13 มีนาคม 2565 ช่วงเช้าได้มีการใส่บาตรพระ โดยมีท่านพระครูสมุห์ ครูบาสังเวียน ฐานติธัมโม เป็นผู้นำคณะสงฆ์มารับบาตร จากนั้นเวลา 15.00 น.ได้มีการทำพิธีบวงสรวงใหญ่ที่ศาลสมเด็จพระนเรศวร ภายในพื้นที่ ของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์ของสมเด็จพระนเรศวร อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวนั้น เป็นสถานที่อาบน้ำสมุนไพรและน้ำผึ้งของพระศพของ สมเด็จพระนเรศวร ที่ทรวงสิ้นพระชนที่ทุ่งอ้อเมืองโต๋น รัฐไทยใหญ่ในครั้งสมัยที่ พระองค์ท่าน ทรงยกทัพไปช่วย เจ่ากำก่ายน้อยพระสหายที่เป็นเจ้าของไทยใหญ่ที่เมืองของไทยใหญ่ เพื่อปราบปรามกองทัพจีนที่เข้ามารุกราน แต่เมื่อฝ่ายกองทัพจีนทราบว่าองค์ดำ สมเด็จพระนเรศวรเสด็จมาก็กลัวพลังอนุภาพของการรบ จึงยกทัพหนีกลับไป จึงไม่มีการสู่รบ แต่พอพระองค์ยกทัพมาถึงเมืองหาง ก็ทรงป่วยหนักด้วยพิษของไข้ป่า จนเห็นว่าพระอาการจำไม่ไหวจึงพยายามยกทัพกลับ กรุงศรีอยุธยา
โดยยกทัพกลับในพื้นที่ๆ ใกล้ที่สุดจึงเดินทัพกลับมาทาง เมืองโต๋นของไทยใหญ่แล้วมาพักทัพที่ ทุ่งอ้อ แล้วพระองค์ท่านก็สินพระชนที่ทุ่งอ้อเมืองโต๋นแห่งนี้ (ปัจจุบันนี้ยังมีศาลของประองค์ที่คนไทยใหญ่สร้างไว้อยู่) เพื่อกลับมาทางอำเภอฝางในปัจจุบันเข้าเชียงใหม่ ผ่านลำปางเพื่อไปสู่กรุงศรีอยุธยา
แล้วขบวนทัพของพระองค์ก็ทรงมาตั้งที่ ตำบลเวียงตาล อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง (ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยในปัจจุบันนี้) และสถานที่แห่งนี้เองที่มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่นั่นคือ มีการทำบ่อน้ำขึ้นเพื่ออาบน้ำพระศพ ด้วยสมุนไพร และน้ำผึ้งเพื่อมิให้พระศพนั้น เน่าเปื่อย จึงปรากฏหลักฐานมาจนกระทั้งวันนี้ ดังนั้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2565 จึงมีการทำพิธีบวงสรวงขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ โดยท่าพระครูบาสมุห์ ครูบาสังเวียน ขัฐติธัมโม เป็นเจ้าภาพในการจัดหาสิ่งของต่างๆมา ทำพีทั้งหมด
แต่มีปัญหาตรงที่ ผู้บริหารภายในศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยในปัจจุบันนี้เกิดความขัดแย้งกัน จึงพยายามเบี่ยงเบนพิธีที่ครูบาสังเวียนตั้งไว้ โดยเชิญท่านส.ส.สุทา ประทีป ณ ถลาง มาเป็นประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส แต่ทางผู้บริหารระดับสูงของ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ไม่พอใจจึงเปลี่ยนแปลง นำเอารองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางท่านหนึ่งมาเป็นประธานแทน จึงทำให้การบวงสรวงไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และผิดพิธีอย่างเลวร้ายที่สุด และความเลวร้ายนี้จะบังเกิดแก่ ผู้ที่ไม่ศรัทธาในพระองค์ดำ สมเด็จพระนเรศวรมกหาราชอย่างแน่นอน เพราะถือว่าเป็นการลบหลู่ท่านอย่างรุนแรงนั้นเอง อีกไม่นานความพินาศนี้จะบังเกิดแก่บุคคลผู้นั้น อย่างเลวร้ายที่สุด
สาเหตุมาจากความพยายามที่จะบั่นทอนผู้ที่ศรัทธาใน องค์สมเด็จพระนเรศวน จึงพยายามกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง จึงเกิดอาการต่างๆบางคนเริ่มเจ็บป่วยโดยหาสาเหตุไม่ได้ บางคนนอนไม่หลับ และมีอาการแปลกๆ โดยไม่มีสาเหตุ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งกันอย่างเห็นได้ชัด และจากนี้ไป ศูนย์อนุรักษ์ ช้างไทยจะไม่มีวันสงบสุข ช้างจะเจ็บป่วย จะตกมัน จะมีแต่ปัญหา คนที่ศรัทธาในพระองค์ท่านจะปลอดภัย ส่วนคนที่ ลบหลู่จะมีอันเป็นไป ตราบใดที่มีผู้บริหารศูนย์แห่งนี้ มีแต่จิตใจที่ แฝงเร้น ศูนย์ช้างแห่งนี้จะตกต่ำ และวุ่นวาย เพราะความอิจฉาริษยา ที่เกิดแก่ใจตนนั้นเอง…
นอกจากนี้ท่านส.ส.สุทา ประทีป ณ ถลาง รองประธารกรรมาธิการ การปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ยังเดินทางไปพบ ผอ.สรรพากรจังหวัดลำปางกรณีที่ มีการประนอมหนี้แต่ก็ยัง ดำเนินคดีแก่ผู้ประการการร้านค้า และเดินทางไปดูการยกเลิกบัตรแรงงานที่ จัดหางานจังหวัดลำปางอีกแห่งหนึ่งด้วย ทั้งหมดนี้คือเส้นทางการทำงานของท่านส.ส.สุทา ประทีป ณ ถลาง รองประธารกรรมาธิการ การปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่ทำเพื่อประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ อย่างแท้จริง…และเป็นนักการเมืองคนเดียว ในรัฐบาลนี้ ในสภานี้ที่ทำเพื่อประชาชน ไม่วุ่นวายกัดกันเพื่อตนเอง อย่างนักการเมือง ทุกๆพรรคที่กำลังกัดกันอยู่ในขณะนี้….
แหล่งข่าวจาก – เต่านินจา
ณฐพัชร์ อภิโชคกุล หัวหน้าสำนักข่าวเบาะแสภาคเหนือ ////// รายงาน /////