ผบช.ภ.5 โชว์ผลงานจับเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ยึดเฮโรอีนบิ๊กล็อต ค่ากว่า 3,500 ล้าน

ผบช.ภ.5 โชว์ผลงานจับเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ยึดเฮโรอีนบิ๊กล็อต ค่ากว่า 3,500 ล้าน

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 เวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5  โดยการอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร, พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี, พล.ต.ต.ยุทธชัย พัวประเสริฐ, พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน, พล.ต.ต .วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 และพ.ต.อ.ทรงกริช  ออนตะไคร้ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมยาเสพติด เป็นรายสำคัญในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเมื่อ วันที่  9  ตุลาคม  2564  เวลา 19.30 น.  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนหาข่าวและสกัดกั้น ยาเสพติดตำรวจภูธร

จังหวัดเชียงใหม่ ภ.จว.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 4 ราย พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ชนิดผง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส มีโลโก้สิงโตคู่เหยียบลูกโลก สีแดง น้ำหนักรวมสิ่งบรรจุภัณฑ์ประมาณ 350 กรัม บรรจุในกล่องกระดาษ สีขาว

ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 2 ใบ รวม 30ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 10,500 กรัม และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ชนิดผง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส มีโลโก้สิงโตคู่เหยียบลูกโลก สีแดง น้ำหนักรวมสิ่งบรรจุภัณฑ์ประมาณ 350 กรัม บรรจุในกล่องกระดาษ สีขาว ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 5 ใบ รวม 70 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 24,500 กรัม แจ้งข้อกล่าวหาว่า  “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 บริเวณ ริมถนนสาย 3002 หน้าสุสานบ้านทุ่งข้าวหลวง ม.5 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่องจับกุม ผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 ที่บริเวณศาลาที่พักริมทาง สามแยกปิงโค้ง ขาเข้าเมือง ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อมูลจากสายลับว่า มีเครือข่ายกลุ่มเครือข่ายนายลี ซึ่งเป็นคนจีนและเครือข่ายนายจะนะ ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ จะลำเลียงยาเสพติด จากแนวชายแดนเขตติดต่อพื้นที่ อ.ฝางและ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เข้ามาในในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจะส่งต่อไปยังเครือข่ายยาเสพติดที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดเป็นขบวนการใหญ่  ซึ่งสายลับให้ข้อมูลว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติด จะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก โดยใช้เส้นทาง ปิงโค้ง-บ้านทุ่งข้าวหลวง (ถ.3002) ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เข้าสู่พื้นที่ตอนในของ จ.เชียงใหม่ จึงเข้าทำการตรวจสอบตามที่รับแจ้ง โดยวางกำลังตามเส้นทางเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว โดยวางกำลังตามเส้นทางดังกล่าว และใกล้เคียง

ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจพบกลุ่มผู้ต้องหา อยู่ที่ ศาลาที่พักริมทาง สามแยกปิงโค้ง ขาเข้าเมืองฯ ซึ่งจากการสังเกตพบว่า มีการพูดคุยโทรศัพท์โดยการใช้หูฟังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสงสัยว่าจะทำหน้าที่ดูต้นทางให้กับกลุ่มลำเลียงยาเสพติดตามที่สายลับแจ้ง ต่อมาตามเวลาจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา หมายเลขทะเบียน  ผก- 1509 เชียงใหม่ ขับรถยนต์คันดังกล่าวมาจากอ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เจ้าพนักงานตำรวจที่   เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าวเห็นว่ามีการส่งสัญญาณโดยการชี้ทางให้รถยนต์คันดังกล่าวให้ทำการเลี้ยวขวาที่แยกปิงโค้ง โดยมีชาย ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ยี่ห้อ สีและหมายเลขทะเบียน ซึ่งจอดรออยู่  เป็นผู้ขับนำทางรถยนต์ของกลุ่มผู้ต้องหามุ่งหน้ามาทางบ้านห้วยทรายชาว ฯ ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจที่เฝ้าสังเกตุการณ์อยู่ ทำการขับติดตามรถคันดังกล่าวไป พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้เลี้ยวขวาเข้าไปในสุสานบ้านทุ่งข้าวหลวงฯ ซึ่งสงสัยว่าอาจเป็นรถที่เกี่ยวข้องกับการลำเลียงยาเสพติดตามที่สายลับแจ้ง

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าทำการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวโดยการเดินเท้าเข้าไป พบผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 กำลัง ยกของกลางรายการที่ 1 วางไว้ที่บริเวณท้ายกระบะรถยนต์ จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเข้ามาจับกุม ผู้ต้องหาที่ 2 จึงได้ขับรถยนต์ ออกมาด้วยความเร็วเพื่อทำการหลบหนี โดยผู้ต้องหาที่ 2 ได้ขับรถออกจากสุสานโดยเลี้ยวขวาไปทางหมู่บ้านห้วยทรายขาวฯ ประมาณ 100 เมตรจึงได้ทำการทิ้งรถคันดังกล่าวเนื่องจากล้อหน้าแตกไม่สามารถขับต่อไปได้ จึงได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง เจ้าน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการติดตามไปแต่ไม่พบตัวผู้ต้องหาที่ 2 ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 ได้ทำการวิ่งหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการติดตามจนสามารถควบคุมตัวได้

ต่อมาเจ้าพนักงานส่วนหนึ่งเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 ที่นั่งรออยู่บริเวณศาลาที่พักริมทางสามแยกปิงโค้ง ขาเข้าเมืองฯ จากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 ให้การปฏิเสธว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ในการลำเลียงยาเสพติดของกลางที่ 1 และ 2 แต่อย่างใด จึงได้นำตัวผู้ต้องหามา สภ.นาหวาย พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาหวายฯ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปในชั้นจับกุมผู้ต้องหา ที่ 3 และ 4 ให้การ “ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา”

ต่อมาวันที่ 10 ต.ค. 2564  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาพบกับผู้ต้องหาที่ 1 ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ฯจากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1 ให้การว่าผู้ต้องหาที่ 2 ได้ชักชวนคนมารับยาเสพติดของกลางรายการที่ 1 และ 2 ที่จุดเกิดเหตุ โดยให้ค่าจ้าง 5,000 บาท โดยใช้รถยนต์ ไปรับผู้ต้องหาที่ 1 ที่บ้าน และตกลงกันว่าเมื่อนำยาเสพติดจำนวนดังกล่าวมาแล้ว ผู้ต้องหาที่ 2 จะให้ผู้ต้องหาที่ 1 รออยู่ที่บริเวณแยกปิงโค้ง  อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และผู้ต้องหาที่ 2 จะนำยาเสพติดของกลางรายการที่ 1 และ 2ไปส่งแต่ไม่ได้บอกสถานที่ และเมื่อเสร็จแล้วจะกลับมารับและเดินทางกลับไป อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และได้สอบถามว่ารู้จักผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 หรือไม่ แจ้งว่าเคยรู้จักผู้ต้องหาที่ 3 มาก่อน โดยเจอที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาในชั้นจับกุมผู้ต้องหา ที่ 1 ให้การ “รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา” ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาน่าจะนำยาเสพติดของกลางนำส่งให้กับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดมูเซอบ้านก๊อป่าบง  อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 5 ติดตามจับกุมตัวยกแก๊งพร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฏหมาย

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข่าวจาก – ข่าวบ้านเมือง  https://www.banmuang.co.th/news/crime/253944

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *