“บิ๊กตู่”เผยคุย”บิ๊กป้อม”ทุกวัน ไม่เคยถามผมผิดอะไร
“บิ๊กตู่”เผยคุย”บิ๊กป้อม”ทุกวัน ไม่เคยถามผมผิดอะไร เล็งปรับลด-เลิกเคอร์ฟิว ขอรอดูตัวเลขติดเชื้ออีกระยะ ขณะศึกซักฟอก “สุทิน” ปรับเกมเปิดชื่อย่อเพราะข้อกำหนดห้ามสาวไส้คนนอก ซัดแจงซื้อวัคซีนไม่ได้เท่ากับค้าความตาย ชี้ “ประยุทธ์” เป็นโรคแพ้ไม่เป็น ไม่ฆ่าคนอื่นก็ฆ่าตัวตาย
วันพุธที่ 1 กันยายน 2564 ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวกดดันจากกลุ่มต่างๆ ในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้ปรับ ครม.หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่ายืนยันว่าไม่มีการปรับ ครม.ตอนนี้ และขอยืนยันตรงนี้ว่าไม่ยุบสภา ไม่อยู่ในหัวสมองตนเลย ใครพูดตอนนี้ระวังตัวไว้เลย ถ้ามีใครทำเช่นนั้นจริงถือว่าใช้ไม่ได้
นายกฯกล่าวว่า ยืนยันว่าไม่มีใครมากดดัน ตนพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้า พปชร.ทุกวัน และคุยกันตั้งแต่มีข่าว ซึ่ง พล.อ.ประวิตรก็ยืนยันว่าไม่มี แต่มีการปล่อยข่าวเช่นนี้มาอีก ตนไม่สบายใจ เชื่อว่าอาจทำเป็นกระบวนการ ใครเชื่อก็โง่ แต่ไม่รู้ว่าหลงหูหลงตาท่านหรือเปล่า
“ผมไม่ได้ถาม พล.อ.ประวิตรว่าผมผิดอะไร แต่ผมเพียงให้ท่านไปถามคนที่พูดว่าผมผิดอะไร จริงหรือไม่ก็ไม่รู้” นายกฯกล่าว
เล็งปรับลด-เลิกเคอร์ฟิว ขอรอดูตัวเลขติดเชื้ออีกระยะ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการผ่อนคลายมาตรการในวันนี้เป็นวันแรกว่า ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการต่างๆที่ออกมาอย่างเคร่งครัด ทั้งรัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชนต้องช่วยกัน ซึ่งหากดีขึ้นก็จะทำได้มากขึ้น ส่วนการปรับลดหรือยกเลิกเวลาเคอร์ฟิวส์นั้น กำลังพิจารณาความเหมาะสม แต่ให้ผ่านระยะนี้ไปก่อน เพื่อดูว่าตัวเลขจะมากขึ้นหรือไม่ แต่การเคลื่อนไหวกลางคืนส่วนใหญ่ก็จะไปสถานที่ท่องเที่ยวสถานบันเทิง ซึ่งยังเป็นปัญหาอยู่ ตนเองถึงบอกให้สมาคมที่รับผิดต้องหรือผู้ประกอบการกลางคืน และผับ บาร์ต้องพูดคุยกันผ่านช่องทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) อยู่แล้ว เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาโดยให้สาธารณสุขและแพทย์ดูแล ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่สามารถสั่งหรือตัดสินใจได้ โดยไม่รับฟังความคิดเห็นจากทางสาธารณสุข เพราะหากผิดพลาดขึ้นมาก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งที่พูดในสภากันเหมือนยังไม่เข้าใจในการบริหาร
ส่วนปัญหาการจัดซื้อชุดตรวจโควิด Antigen Test Kit (ATK) 8.5 ล้านชุดนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบยาและเวชภัณฑ์มาโดยตลอด ซึ่ง ATK นั้นมีหลายสิบบริษัทที่มาประมูล ซึ่ง อย. พิจารณาตรวจสอบแล้ว และมีใช้ที่ต่างประเทศด้วย ซึ่งที่ผ่านมาอาจมีความผิดพลาดด้านเอกสารถึงต้องมีการปรับใหม่ ซึ่งไม่ได้ปรับเพื่ออำนวยความสะดวกใคร แต่ทำอย่างไรถึงจะได้ชุดตรวจATK ได้เร็วที่สุด และมีคุณภาพที่ดี และมีราคาถูกที่สุด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ชุดตรวจ ATK 8.5 ล้านชุดนี้ รัฐบาลนำไปแจกจ่ายฟรีในพื้นที่สีแดงเข้ม ส่วนอื่นๆบางคนมีทางเลือกมีเงินสามารถซื้อได้ แต่ขณะนี้กำลังให้พิจารณาค่าใช้จ่าย ATK ตามสิทธิ และขอให้เข้าใจทุกอย่างไม่ง่าย แต่นายกรัฐมนตรีพยายามแก้ตามลำดับ
“ผมก็เสียใจและขอโทษหากทำให้ทุกคนไม่พอใจ และแน่นอนมีคนไม่พอใจ แต่สิ่งที่เสียใจกับคนที่บาดเจ็บและสูญเสีย เพราะผมก็เคยผ่านการสูญเสียพ่อแม่เหมือนกัน อาจไม่ใช่โควิดแต่ทุกคนก็เสียใจหมด”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ให้ความมั่นใจว่า ขณะนี้ระบบสาธารณสุขยังรับมือได้ และก่อนหน้านี้ต่างชาติก็มาท่องเที่ยวและเข้ามารักษาในประเทศไทย และมั่นใจในระบบสาธารณสุขของเรา แต่วันนี้ต้องเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เป็นโรครุนแรงและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงอาจทำให้ขีดความสามารถลดลงบ้าง แต่ก็พัฒนามาเรื่อยๆ ตามลำดับ
“ถ้าเราไม่มั่นใจระบบสาธารณสุขและคนของเรา แล้วทำไมวันนี้ไม่ดูตัวเลข คนรักษาหายเท่าไหร่ ถ้าเอาแต่ตัวเลขคนป่วยคนตายมาพูดข้างเดียวมันไม่เป็นธรรม ข้าราชการก็เสียหาย หมอแพทย์ พยาบาลก็เสียใจนะ เขาทำแทบตาย”พลเอกประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมตรี ย้ำว่า แม้ยังมีการเคลื่อนไหวก็ไม่สามารถไปห้ามได้ แต่อย่าลืมเป็นปัญหาต้องแก้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าทุกคนร่วมมือกันแต่ตนเองไม่โยนความผิดให้ใคร แต่ขอความเป็นธรรมรัฐบาล และสาธารณสุขด้วย
“สุทิน” ปรับเกมซักฟอกเปิดชื่อย่อสาวไส้ปมซิโนแวค
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 31 ส.ค.64 ซึ่งเป็นวันแรกว่า ถือว่าพอใจการทำงานของฝ่ายค้านแต่ยังไม่สูงสุด เนื่องจากข้อบังคับของสภาฯ ทำให้เกิดปัญหา มีข้อมูลลึกๆ ที่เราอยากเปิดเผยแต่ไม่สามารถอภิปรายเบื่องหลังได้ เช่นเรื่องคนอยู่เบื่องหลังวัคซีนซิโนแวคเป็นใคร พอจะบอกชื่อและไล่เรียงโครงสร้างความเชื่อมโยงระหว่างรัฐบาลกับบริษัทเอกชน ประธานที่ประชุมจะตัดบทอยู่ตลอด อ้างว่าไม่อยากให้กล่าวถึงคนภายนอกตนไม่โทษประธาน แต่คิดว่าควรมีการทบทวนข้อบังคับของสภาฯ เกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่เช่นนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่สามารถทำได้เต็มที่ การเปิดข้อมูลได้ไม่สูงสุดคือการจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน จึงจะลองบอกผู้อภิปรายให้ปรับกลยุทธ์นำเสนอข้อมูบแบบใหม่ให้ใช้อักษรย่อ อย่างไรก็ตามภาพรวมอภิปรายวันแรกยังไม่เข้มข้นโดยสถานการณ์เข้มข้นจะเริ่มวันนี้ และวันที่สามของการอภิปราย รวมทั้งข้อมูลที่รัฐบาลยังตอบไม่ได้คือการตกแต่งตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดและผู้เสียชีวิต คำถามของเราทำไมรัฐบาลต้องทำให้ตัวเลขน้อยลงในช่วงนี้
นายสุทิน กล่าวว่า ในส่วนของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เองยังยืนยันว่าตัวเองทำงานได้ดี รัฐบาลบริหารจัดการได้ดี และระบุว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ซึ่งสะท้อนว่า นายกฯ ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาว และอีกเรื่องที่ฝ่ายค้านกล่าวหาแล้วรัฐบาลไม่ตอบเลยคือ การซื้อขายวัคซีนซิโนแวค ที่รัฐบาลบอกว่าเป็นการซื้อขายแบบจีทูจี หากซื้อแบบจีทูจี จะไม่เสียภาษี แต่เราแสดงหลักฐานชัดเจนว่ามีการเสียภาษีเป็นการจับได้ไล่ทันว่า ไม่ใช่การจัดซื้อแบบจีทูจี กระทรวงสาธารณสุขยังไม่มีใครชี้แจง เรื่องจีทูจีปลอมจึงเป็นสมมติฐานที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ชี้แจงว่า ไม่มีการเสียภาษีแต่อย่างใด ตกลงใครโกหกระหว่างนายอนุทิน หรือนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้อภิปรายในเรื่องนี้ และการอภิปรายวันนี้เราจะตามหาใบเสร็จหลักฐานการจ่ายเงินซื้อวัคซีนซิโนแวค เพราะส่วนต่างเป็นเงินจำนวนมากถ้าตอบไม่ได้คุณก็ค้าความตาย นอกจากนี้รัฐบาลยังไม่ยอมรับว่าวัคซีนซิโนแวคคุณภาพต่ำแล้วยังกล่าวหาฝ่ายค้านว่าด้อยค่าวัคซีน
เมื่อถามว่า นายกฯ ยืนยันว่าจะไม่มีการยุบสภา ฝ่ายค้านจะดำเนินการอย่างไรต่อ นายสุทิน ตอบว่า แบบนี้เป็นการดื้อ โอหังบ้าอำนาจชัดเจน ยังฟังฝ่ายค้านอภิปรายไม่จบทำไมไม่ฟังให้จบก่อนแสดงว่าวันนี้นายกฯ ปิดฉากการรับรู้แล้ว อีกสามวันฝ่ายค้านจะพูดอะไรก็ช่าง สอดคล้องกับข้อกล่าวหาที่ว่าไม่ฟังใคร นายกฯ กำลังเป็นโรคที่น่าเป็นห่วงมากสำหรับคนเก่งๆ คือ “โรคแพ้ไม่เป็น” อันตรายมาก มันจะส่งผลสองทางคือไปทำลายผู้อื่นกับฆ่าตัวตาย จุดจบมีสองอย่าง เมื่อท่านไม่ออกจะมีคนปลดท่านหรือจบแบบ นายอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หัวหน้าพรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมัน คือฆ่าตัวตาย ฮิตเลอร์เป็นโรคแพ้ไม่เป็น ไม่ฆ่าคนอื่นก็ฆ่าตัวเอง นายกฯยืนยันว่าจะไมออกใช่หรือไม่แต่ตนสังหรณ์ว่าจะมีคนปลดท่าน
เปิดฉากซักฟอกวันที่ 2 “เพื่อไทย”ไล่ฟาด 8 ปีเศรษฐกิจพังพินาศ
นการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคล เป็นวันที่2 โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เป็น 8 ปีที่บริหารล้มเหลวพังพินาศของเศรษฐกิจไทย ทั้งเรื่องสังคมการเมืองเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ เมื่อวานเราเน้นหนักในเรื่องวัคซีนและสถาการณ์โควิดในประเทศและ รัฐมนตรีได้ออกมายืนยันว่าวันนี้วัคซีนเต็มแขนคนไทยแล้ว 30 ล้านคน ต้องถามกลับไปว่าเต็มแขนคนไทยที่เหมาะสมคือ 50 ล้านคนและวัคซีนที่เต็มแขนกลายเป็นซิโนแวคซึ่งมีประสิทธิภาพน้อย
นายจุลพันธ์ อภิปรายต่อว่า 8 ปี ล้มเหลว ตกต่ำ ธุรกิจ ธุรกิจปิดตัว การตกงานสูงจากที่ไทยเคยมีพื้นฐานแข็งแกร่งเป็นเป้าหมายของนักลงทุนทั่วโลกท่านทำลายความแข็งแกร่งอย่างยับเยิน บริหารผิดพลาดโดยเฉพาะเรื่องวัคซีนและการจัดสรรวัคซีนสุดท้ายสร้างภาระให้เศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและกดทับคนไทยอย่างหนัก คนไทยไม่ตายด้วยโควิดแต่ต้องมาตายด้วยพิษโควิดที่พล.อ.ประยุทธ์ก่อขึ้น ไปดูจีดีพีตกต่ำต่อเนื่องช่วงที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงขาขึ้นเศรษฐกิจราบไม่มีลมฝนแต่เรือแป๊ะลำนี้เดินหน้าอย่างเชื่องช้า แต่ในวันที่ลมฝนกระหน่ำมีโควิดเรือแป๊ะทำท่าจะจมลง มีตัวเลขที่น่ากลัวจากคนที่จบชีวิตจากพิษเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น
นายจุลพันธ์ อภิปรายต่อว่า รู้หรือไม่ว่าเศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตอยู่ในลำดับท้ายๆของโลก เศรษฐกิจไทยตกต่ำยาวนาน เพราะเกิดจากความไร้ความสามารถ ไร้ความรู้ แต่อวดเก่ง อวดดี แต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ผลคือ คณะกรรมการร่วมหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย ออกมาแถลงว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตติดลบ 1.5 -0 % สภาหอการค้าไทยได้สอบถามสมาชิกสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศโดย 70% ของนักลงทุนต่างประเทศบอกว่าเศรษฐกิจไทยในปี2564 จะขยายตัวได้น้อยกว่า 0 ทุกคนมองตรงกันหมดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยติดลบ หมายความว่าไทยจะเจอการหดตัวทางเศรษฐกิจ 2 ปีอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ถ้าไม่โง่ ไม่หวยจริงทำไม่ได้
“ก่อนล็อคดาวน์รอบที่ 3 ตัวเลขคนยากจนในไทยไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคนรัฐบาลเก่งแต่กู้ กู้มาแจก แจกบัตรคนจน ต่อไปก็แจกบัตรขอทานแน่ ความตกต่ำไม่ต้องโทษโควิดแต่โทษพล.อ.ประยุทธ์คนเดียวเป็นนายกฯที่เลวร้ายที่สุดที่ประเทศเคยมีมา ล็อกดาวน์เศรษฐกิจ รอบปัจจุบันสร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจเดือนละ2- 3แสนล้านบาทต่อเดือน เป็นการล็อกดาวน์ไม่มีแบบแผน เยียวยาเหมือนจับสลากชิงโชค รัฐบาลบอกหากสถานการณ์ไม่คลี่คลาย จะล็อกแบบอู่หั่นโมเดล ถ้าล็อกดาวน์กทม.และปริมณฑลแบบอู่หั่น กทม.ที่เป็นศูนย์กลางทุกอย่าง เศรษฐกิจจะเดินอย่างไร สักแต่พูด แต่ไม่เข้าใจเศรษฐกิจ การล็อกดาวน์ทำให้มีตัวเลขว่างงานในระบบเกือบล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เด็กจบใหม่หลายล้านคนหางานทำไม่ได้ ไม่แปลกใจที่เด็กออกมาขับไล่รัฐบาล เพราะพรากอนาคตเขาไป”นายจุลพันธ์ อภิปราย
นายจุลพันธ์ อภิปรายต่อว่า นี่คือความล้มเหลวการบริหารเศรษฐกิจของพล.อ.ประยุทธ์ ความเสียหายเหล่านี้ต้องใช้เวลาหลายสิบปีฟื้นความสามารถการแข่งขันกลับมา ประเทศไทยเคยเป็นเป้าหมายนักลงทุนทั่วโลก แต่8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ทำให้เราเป็นคนป่วยแห่งเอเชียจากการบริหารผิดพลาดเรื่องวัคซีน จึงไม่สามารถฟื้นตัวเมื่อเศรษฐกิจโลกกลับมาเป็นบวก การบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ทำให้หนี้ครัวเรือนสูงที่สุดกว่า90% ทุกครัวเรือน ทุกหมู่บ้านมีแต่หนี้นอกระบบเต็มไปหมด ไม่ต่างอะไรกับการเอาถุงดำมาคลุมหัวคนไทยให้ตาย ขณะที่หนี้ภาคธนาคารก็น่าห่วง ตัวเลขเอ็นพีแอลสูงขึ้นจากการที่ธุรกิจล้ม แต่หนี้ยังอยู่ เพราะมีรัฐบาลเป็นตัวถ่วงต่อการทำมาหากินของประชาชน การมีผู้นำผิดสักคน นำประเทศลงเหว คนไทยยากจน แต่เจ้าสัวกลุ่มหนึ่งรวยขึ้นๆ 8ปีที่ผ่านมา 10 อันดับคนรวยที่สุดในไทย รวยเพิ่มขึ้นถึง1.2 ล้านล้านบาท
“คนไทยชอกช้ำการโกหกของพล.อ.ประยุทธ์ ที่โกหกจนเป็นเรื่องปกติ มีแต่ขายฝันในคืนหลอกลวง ไม่เชื่อพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เสียงก่นด่าและรู้ตัว แต่พล.อ.ประยุทธ์ยังหวังอาจดวงดี พลิกสถานการณ์คืนมาได้ นายกฯหลายประเทศประกาศลาออกเพราะบริหารโควิดผิดพลาด แต่นายกฯไทยบอกมึงมาไล่ดูซิ นี่คือความโอหังคลั่งอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ ขอเป็นตัวแทนประชาชนรับคำท้า ไม่ไว้วางใจให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ออกไป”นายจุลพันธ์ อภิปราย