สู้ไม่ไหว! ผู้ว่าฯสมุทรสาครเตรียมยื่นลาออก เผยมีปัญหาสุขภาพ วอนลดอัตตาหันหน้าเข้าหากันแก้โควิด

สู้ไม่ไหว! ผู้ว่าฯสมุทรสาครเตรียมยื่นลาออก เผยมีปัญหาสุขภาพ วอนลดอัตตาหันหน้าเข้าหากันแก้โควิด

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2564 นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sakravee Srisangdharma ระบุว่า “ยามดีใช้ ยามไข้รักษา มีคนถามผมมาเยอะว่า ไม่ย้ายกับเขาเหรอ ไม่เห็นมีชื่อในคำสั่ง หรือว่าผมเกษียณปีนี้ อยากย้ายเช่นกันครับ เหตุผลของผมคือ สุขภาพผมไม่แข็งแรง ออกพื้นที่ได้ไม่มาก ไปมาไม่สะดวก หลายคนเป็นห่วง ออกจากศิริราชแล้ว ร่างกายไม่เหมือนเดิมเลย โควิดทิ้งร่องรอยไว้เยอะมาก เหนื่อย ไอ จาม มีน้ำมูก หอบง่าย”

“ล่าสุดมีอาการเกร็งด้านขวา ค่อนข้างมาก คุณหมอบอกว่าผมเครียดหนัก พักผ่อนน้อย ต้องถนอมชีวิตมากกว่านี้ ขณะที่งานในสมุทรสาครไม่เครียดคงไม่ได้ กระทรวงบอกว่าผมทำงานมากเกินไป จะย้ายให้ไปอยู่จังหวัดอื่นที่งานโควิดเบาขึ้น ผมเป็นห่วงชาวบ้าน ก่อนถึงฤดูโยกย้าย ขอผมเป็นพนักพิงให้ชาวบ้านอุ่นใจก่อนว่า เรายังไม่หนีไปไหน พร้อมเผชิญเรื่องร้าย ๆ ไปด้วยกัน”

“ผมเกษียณปีหน้าครับ บอกคนใหญ่ในกระทรวง ถึงเหตุผลการย้าย มาจากสุขภาพร่างกายล้วน ๆ คำตอบที่ได้ตอนคำสั่งล่าสุด คือ ถึงผมอยากไปสุพรรณบุรี แต่นักการเมืองเขาไม่ยอมรับ (ซึ่งผมไม่รู้ว่าหมายถึงใคร) ผมไปไม่ได้แน่ ส่วนอ่างทอง เป็นจังหวัดเล็กเกินไป ย้ายจากสมุทรสาคร ไปจังหวัดเล็กกว่าคงไม่เหมาะ อือม์…อยู่ศรีสะเกษ 22 อำเภอ สมุทรสาคร 3 อำเภอ ผมเข้าใจอะไรผิดเรื่องเล็กใหญ่แน่เลย”


“ไปจังหวัดอื่นก็ลำบาก อยู่สมุทรสาครต่อก็คงไม่ดี คนอยู่ที่นี่ควรจะแข็งแรงกว่าผม ทำงานได้คล่องแคล่วกว่าผม ไม่มีปัญหาด้านสุขภาพเหมือนผม ผมคิดสะระตะในใจว่า ผู้ว่าสุพรรณฯ เป็นกัลยาณมิตรที่ดีของผม ส่วนผู้ว่าอ่างทอง เป็นอดีตเพื่อนร่วมงานที่ดีของผมเช่นกัน ผมคงไม่มีเหตุผลใดจะไปไล่ที่เขา”

“ผมเคยฝันว่า จะสามารถอยู่รับราชการได้จนถึงเกษียณอายุ เพราะคือจุดหมายปลายทาง ที่ข้าราชการทุกคนปรารถนา แต่วันนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นได้แค่ในฝัน สาเหตุหลักมาจากการทุ่มเทให้กับงานมากไป นึกถึงคำของผู้ใหญ่ที่บอกว่า จะหาจังหวัดอื่นที่งานโควิดเบาขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หาให้ คำสั่งที่เห็นจึงไม่มีชื่อผมด้วย”

“หลงคิดมานานว่า การจัดคนลงตำแหน่ง เป็นเรื่องของกระทรวงเป็นหลัก หรือว่าผมไม่มีสีของสิงห์ใดๆ นอกจากสีกากีของเครื่องแบบ สีที่ผมพยายามใช้ เดินตามรอยพระบาทในหลวง ร.9 มาตลอดชีวิตการทำงาน นึกถึงคำของคุณหมอที่บอกหลังเห็นคำสั่งว่า ผมควรใช้ชีวิตก่อนเกษียณที่สงบกว่านี้ ลาออกเถอะ บ้านเมืองย่อมมีคนมาทำงานได้ อย่าไปห่วงจนเกินตัว”

“นึกถึงคำของลูกสาวที่ปลอบพ่อว่า พ่อต้องดูสุขภาพและความรู้สึกพ่อเป็นหลัก พ่ออยู่ในราชการอีกแค่ปีเดียว แต่อยู่ในชีวิตหลังเกษียณอีกหลายปี พ่อทำงานหนักมาตลอดชีวิตปีสุดท้ายของพ่อ น่าจะเลือกให้เหมาะกับสุขภาพพ่อเป็นสำคัญ มาถึงตรงนี้ คนที่สนิทกัน คงรู้แล้วว่าผมเลือกจะทำยังไง จู่ ๆ ผมก็นึกถึงคำโบราณที่ว่า “ยามดีใช้ ยามไข้ (ไม่) รักษา”

ล่าสุด ข่าวสดรายงานว่า นายวีระศักดิ์ เปิดเผยถึงการโพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าวว่า ตนเป็นคนเขียนข้อความเอง ซึ่งได้ตัดสินใจแล้วว่า จะยื่นหนังสือลาออกจากราชการ โดยได้ตัดสินใจและร่างหนังสือลาออกไว้มาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว “สู้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ พอแล้ว จบแล้ว” และจะยื่นต่อผู้บังคับบัญชาในวันจันทร์ที่ 16 ส.ค. นี้ โดยให้มีผลช่วงสิ้นปีงบประมาณ หรือสิ้นเดือน ก.ย. เพื่อกลับไปอยู่บ้านที่ จ.อ่างทอง แล้วจะได้ดูแลสุขภาพให้ดีมากขึ้น

ก่อนหน้านี้นายวีระศักดิ์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก”วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี” ความว่า ไปต่อเถอะ ลูกเคยบอกกับผมว่า พ่อรักษาโรคไม่เป็น เจ็บป่วยอย่างไรก็ต้องเชื่อหมอ หมอให้ทำยังไงก็ต้องฟังและปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด อะไร ๆ ที่มันชักช้าไปหน่อย ส่วนใหญ่เกิดจากความเห็นหมอไม่ตรงกัน คนหนึ่งอ้างระเบียบ อ้างขั้นตอนราชการ ส่วนอีกคนอ้างคุณภาพ และประสิทธิภาพ ได้แต่เอาใจช่วยให้หันหน้าเข้าหากันเถอะ อะไร ๆ ที่คุยได้ ลดอัตตาลงได้ ยึดประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก โควิดไม่ได้หยุดรอเรา รวดเร็ว ถูกต้อง และมีคุณภาพด้วยน่าจะทำได้นะครับ

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข่าวจาก – ข่าวบ้านเมือง  https://www.banmuang.co.th/news/politic/246334

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *