ลูกสาวหนีหนี้ ทิ้งพ่อตาบอดวัย 70 ถูกตามทวง-ข่มขู่สารพัด สุดท้ายตัดสินใจผูกคอดับ

ลูกสาวหนีหนี้ ทิ้งพ่อตาบอดวัย 70 ถูกตามทวง-ข่มขู่สารพัด สุดท้ายตัดสินใจผูกคอดับ

วันที่ 8 ส.ค. 64 ร.ต.อ.เรืองศักดิ์ แสงคำ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 16 ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ ว่ามีลูกบ้านผูกคอตัวเองเสียชีวิต จึงประสานหน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุด อ.ลำปลายมาศ ร่วมตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุบริเวณใต้ขนุน หลังบ้านหลังหนึ่งใน ต.หินโคน พบศพนายปรี(นามสมมติ) อายุ 70 ปี ใช้ผ้าขาวม้า ผูกคอตัวเองกับกิ่งไม้ ใกล้กันพบเก้าอีสีชมพูล้มอยู่ คาดผู้ตายใช้ปีนขึ้นก่อนผูกคอ ตรวจสอบไม่พบร่องรอยหรือบาดแผลตามร่างกาย คาดเสียชีวิตมาประมาณ 8 ชั่วโมงแล้ว

สอบถามนางสม(นามสมมติ) อายุ 66 ปี ภรรยาผู้ตาย เล่าว่า ลูกสาวกู้เงินรายวัน ดอกเบี้ยร้อยละ 20 หลังจากลูกสาวไม่มีเงินจ่าย จึงพยายามหลบหนี ไม่ให้คนเก็บเงินเห็นหน้า แต่คนเก็บเงินกู้ไม่ยอม ขู่ให้ตนหาเงินมาจ่ายให้ได้ ตนก็ยืมเพื่อนบ้านมาจ่ายให้เป็นประจำ

หลายครั้งครั้งตนไม่อยู่บ้าน มีเพียงสามีอยู่บ้านตามลำพัง และถูกคนเก็บเงินกู้มาบังคับให้ไปหาเงินมาให้ สามีซึ่งพิการทางสายตา ได้แต่บอกว่าตนตาบอด ไม่รู้จะไปหาเงินมาจากไหน แต่กลับถูกกลุ่มทวงหนี้ด่าทอ ซึ่งอาจจะเป็นชนวนเหตุที่สามีผูกคอตาย เพราะเครียดแทนลูกสาว หรืออาจจะเก็บกดที่ถูกแก๊งทวงหนี้บีบบังคับ ทั้งที่ตาบอด

ด้าน น.ส.พอ(นามสมมติ) อายุ 35 ปี ลูกสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า ก่อนหน้านี้มีอาชีพขายผักสดในตลาดเทศบาลลำปลายมาศ ต่อมาหลังจากโรคโควิด-19 ระบาด ขายของแทบไม่ได้เงิน หมุนเงินไม่ทัน มีเพื่อนมาชวนให้กู้เงินรายวัน ค้ำกันไปมา ครั้งแรกกู้มา 6,000 บาท ส่งวันละ 300 บาท จำนวน 24 วัน แต่ก็หมุนไม่ทันจึงกู้เจ้าอื่นมาหมุนเพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้ แต่ต้องส่งหลายเจ้า ตอนนี้ส่งถึง 6 เจ้า เฉลี่ยส่งวันละ 2,000 บาท ยอมรับว่าหาไม่ได้ จึงจำเป็นต้องเลิกขายผัก กลับมาอยู่บ้าน แก๊งทวงหนี้ก็ตามมาถึงบ้าน จึงพยายามหลบหน้าไม่ให้กลุ่มทวงหนี้เห็น แต่ไม่รู้ว่าแก๊งทวงหนี้จะไปขู่พ่อซึ่งตาบอด ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายให้ได้ รู้สึกเสียใจ ที่ตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อเสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ญาติและชาวบ้านกำลังจัดงานศพภายในวัด อัมพวัน ต.หินโคน ได้มีแก๊งเงินกู้ขับรถกระบะหลายคันเข้ามาในวัด คาดว่าจะมาตามทวงหนี้อีก แต่เห็นผู้สื่อข่าวจึงขับรถออกจากวัดไป

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข่าวจาก – สนุกนิวส์   https://www.sanook.com/news/8423434/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *