ศาลตัดสิน คดี “อาหลิว” แก๊งข้ามชาติหนีกบดานในไทย

ศาลอ่านคำตัดสิน 7 ผู้ต้องหาพัวพันคดี “อาหลิว”  อาชญากรข้ามชาติ ยักยอกเงินธนาคารกลางจีน กว่า 400 ล้านหยวน หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท หลังถูกจับกุมตัวได้ที่ จ.เชียงใหม่ ปี 2543 พร้อมคุมตัวส่งยังเรือนจำกลาง

 เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ต.ค. 59 ที่ศาล จ.เชียงใหม่ ได้มีการนัดอ่านคำตัดสินคดีดำ เลขที่ 5868/2543 ฐานความผิดต่อเจ้าพนักงานคดีเจ้าหน้าที่รัฐ พัวพันปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนราษฎร์ให้ “อาหลิว”  หรือ เฉิน หมั่น ซุง ผู้ต้องหายักยอกเงินจากธนาคารกลางจีน กว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งในวันนี้ได้มีการนัดอ่านคำตัดสินในห้องพิจารณาคดีที่ 13 ซึ่งโจทก์คือพนักงานอัยการ จ.เชียงใหม่ ได้ยื่นฟ้องต่อจำเลยมีจำนวน 7 คน ประกอบด้วยจำเลยที่ 1 นายพูลสวัสดิ์ วรวัลย์ หรือ “เสี่ยตุ้ม” อดีตเทศมนตรีฝ่ายงานช่าง เทศบาลนครนครเชียงใหม่ , จำเลยที่ 2 นายพิทักษ์ ตันติศักดิ์ หรือ “เสี่ยหมี” อดีต สท. นครเชียงใหม่ , จำเลยที่ 3 นายจรัส ณรงค์จันทร์ชัย   อดีต สท.นครเชียงใหม่ , จำเลยที่ 4 นายสุรชัย จันทร์เป็ง , จำเลยที่ 5 นายบุญยัง ปัญจศีล , จำเลยที่ 6 นายสิงห์ทร เกสร และจำเลยที่ 7 นายประสิทธิ์ เจียมจิต
s_5005959071860s_5005959092509
ทั้งนี้เมื่อถึงเวลานัดหมาย ผู้ต้องหาทั้งหมด ได้เดินทางมาที่ศาลเพื่อรอฟังการพิจารณาคดี เว้นแต่ นายบุญยัง ปัญจศีล จำเลยที่ 5 ไม่ได้เดินทางมา แต่ได้มีการมอบหมายให้ทนายมายื่นร้องต่อศาล เนื่องจาก นายบุญยัง มีอายุมาก และไม่สามารถเดินได้ จึงไม่สามารถเดินทางมารับฟังการพิจารณาคดีในครั้งนี้ได้ ซึ่งทางศาลได้มีการวิเคราะห์แล้ว จึงมีมติให้อ่านคำพิพากษาลับหลัง ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำสั่ง ให้จำคุกจำเลยที่ 1 นายพูลสวัสดิ์ วรวัลย์ หรือ”เสี่ยตุ้ม” กำหนด 4 ปี จำเลยที่ 2 นายพิทักษ์ ตันติศักดิ์ กำหนด 3 ปี และจำเลยที่ 7 นายประเสริฐ เจียมจิต กำหนด 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 3, 4, 5 และ 6 ศาลยกฟ้อง
โดยภายหลังจากที่ศาลได้มีการอ่านคำตัดสินเสร็จสิ้น ทางเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามคนไปยังห้องฝากขังชั่วคราวภายในศาล  ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยญาติๆ ของผู้ต้องหา ที่ได้นำสิ่งของเครื่องใช้มาให้ โดยมีเจ้าหน้าที่คุมเข้มอย่างแน่นหนา กระทั่งในเวลา 17.00 น. ทางเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ได้มารับตัวผู้ต้องหาทั้งหมด เพื่อนำไปส่งยังเรือนจำกลางเชียงใหม่ต่อไป
การตัดสินคดีนี้สืบเนื่องจากกรณีเมื่อปี 2543 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.เชียงใหม่ ได้รับการประสานจากทางการของประเทศจีนและองค์กรตำรวจสากล ให้จับกุมตัวนาย”อาหลิว” หรือเฉิน หมั่น ซุง อาชญากรข้ามชาติยักยอกเงินธนาคารกลางจีน กว่า 400 ล้านหยวน หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท แล้วหลบหนีมาที่ จ.เชียงใหม่ ก่อนที่จะทำการ ปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนราษฎร์และจ้างวานเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ได้มาซึ่งเอกสารของทางราชการ
สำหรับนายอาหลิว นั้นได้หลบหนีเข้าประเทศไทยทางช่องทาง จ.เชียงราย เมื่อปี 2538 และได้ตีสนิทข้าราชการไทย ไปจนถึงนักการเมืองระดับชาติ จนสามารถทำบัตรประชาชนไทย 2 ใบใช้ชื่อ “สุก ตาจง” และ “เลา แสนซุ้ง” และผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้าใหม่จนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อาหลิวถูกจับกุมได้ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2543 และวันที่ 17 พ.ย.2543 ศาล จ.เชียงใหม่พิพากษาในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง ปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนราษฎร์และจ้างวานเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ได้มาซึ่งเอกสารของทางราชการ รวมทั้งสิ้น 29 กระทงเหลือจำคุก 13 ปี 10 เดือน  ก่อนที่ทางการจีนจะรอรับตัวไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อที่ประเทศจีน
โดยขั้นตอนการทำบัตรประชาชนนั้นพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการประจำจำนวนมาก โดยนายอาหลิว ทำการหว่านเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อบัตรและทะเบียนราษฐ์มา จนมีการขยายผลการจับกุมจับกุมข้าราชการ และนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.เชียงใหม่หลายคน ต่อมาวันที่ 23 พ.ค.2550  ศาลเชียงใหม่พิพากษาจำคุกนักการเมืองท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน และนักธุรกิจใน จ.เชียงใหม่ จ.นครสวรรค์ และกทม.ขั้นหนัก ฐานร่วมกันปลอมแปลงออกบัตรประชาชนให้ “อาหลิว” โดย นายพูนสวัสดิ์ วรวัลย์ ศาลอุธรณ์ให้ตัดสินจำคุก  4 ปี ส่วนนายพิทักษ์ ตันติศักดิ์ ให้จำคุก 5 ปี และนายประสิทธิ์ เจียมจิต ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆยกฟ้อง โดยคดีนี้ได้มีการยื่นอุธรณ์ต่อศาลฏีกา จนมีการพิจารณาตัดสินในวันนี้
วีรศักดิ์ ปัญญาโชติ รายงาน
แหล่งข่าวจาก เชียงใหม่นิวส์  http://www.chiangmainews.co.th/page/archives/524930

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *