เด็กๆ กว่า 500 ชีวิตริมสาละวินกำลังอดข้าว หลังเส้นทาง-ด่านไทยปิดตามมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ผู้นำค่ายพักพิงวอนรัฐบาลไทยผ่อนปรนให้เรือวิ่งขนข้าวสาร-ยาสัปดาห์ละครั้ง
เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2463 นายสันติพงษ์ มูลฟอง ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล และ และศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน จ.แม่ฮ่องสอนเปิดเผยว่า จากที่ได้ติดตามประเด็นการเคลื่อนย้ายของเด็กตามชายแดน ได้ติดตามเด็กนักเรียนที่กลับภูมิลำเนาในพื้นที่ลุ่มสาละวิน พรมแดนไทย-พม่า พบว่าเด็กและครอบครัวกำลังประสบความยากลำบาก เพราะในชุมชนชายแดนข้าวสารหมด พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์คนชายแดนที่อาศัยอยู่ชายขอบ ปัจจัยในการดำรงชีพหลักคือข้าวสารกับเกลือ ซึ่งต้องมาซื้อที่ฝั่งประเทศไทย โดยชุมชนเหล่านี้ส่วนหนึ่งไม่ได้ทำไร่ข้าว มีรายได้จากการหาของป่าจำพวกเห็ด ใบตองตึง และ หาปลาในแม่น้ำเมย แม่น้ำสาละวิน การซื้อข้าวครั้งละจำนวนไม่มาก 5 ลิตร 10 ลิตรหรืออย่างมากก็เป็นถัง เพราะมีเงินจำนวนเท่านั้น
นายสันติพงษ์กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้มีการสั่งปิดชายแดนทุกช่องทาง โดยเฉพาะด่านผ่อนปรนชั่วคราว บ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย ล่าสุดได้ประสานกับค่ายผู้พลัดถิ่น หรือ IDP ทราบว่ากำลังเดือดร้อนเนื่องจากการปิดชายแดน เพราะไม่สามารถซื้อขาวสารและของจำเป็นได้ ล่าสุดได้รับจดหมายจากผู้นำค่ายผู้พลัดถิ่นฝั่งกะเหรี่ยง ติดต่อมาขอให้ประสานงาน เพราะค่ายผู้อพยพกำลังลำบาก จึงขอความช่วยเหลือจากฝั่งไทย เนื่องจากที่ผ่านมาผู้พลัดถิ่นพึ่งพิงปัจจัยในการดำรงชีพจากฝั่งไทยทั้งหมด ข้าว อาหาร ยา ขอจำเป็น เมื่อปิดพรมแดน จึงแทบจะไม่มีอะไรดำเนินชีวิต โดยที่ค่ายอิตุท่า มีเด็กๆ นักเรียนจำนวน 529 คน
แฟ้มภาพเด็กๆในศูนย์พักพิงชั่วคราวอิตุท่า
ทั้งนี้ในจดหมายที่ผู้นำค่ายผู้พลัดถิ่นส่งมาเพื่อให้ประสานกับรัฐบาลไทยเขียนเป็นภาษากะเหรี่ยงมีเนื้อหาระบุว่า ต้องการขอความช่วยเหลือ และแจ้งสถานการณ์เพื่อที่ท่านจะเป็นปากเป็นเสียงให้แก่พวกเราผู้อพยพทุกๆ คน ตามที่สถานการณ์ตอนนี้โลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 พวกเราผู้พลัดถิ่นได้รับผลกระทบหลายด้าน พี่น้องชาวบ้านไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ ไม่สามารถออกไปรับจ้างหรือหารายได้มาเลี้ยงดูครอบครัวได้ ปัญหาที่จำเป็นเร่งด่วนขณะนี้คือ ขาดแคลนข้าวสาร เพราะไม่มีคนขาย
“พ่อค้าแม่ค้าที่เคยขายก็ไม่สามารถนำข้าวมาขายได้ ทางเราจะเดินทางไปซื้อที่บ้านแม่สามแลบก็ไม่สามารถไปได้ เนื่องจากคำสั่งปิดการเดินเรือและการเดินทาง เราวิงวอนขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการเจรจา หรือมีนโยบายผ่อนปรนสำหรับพวกเรา เพื่อที่พวกเราจะได้มีข้าวกิน คือ อนุญาตให้เดินเรือส่งข้าวสารและอาหารจากแม่สามแลบสัปดาห์ละ1 ครั้ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ตอนนี้ในค่ายมีสมาชิกทั้งหมด 2,374 คน จำนวน 335 ครัวเรือน” ในจดหมายระบุ
อนึ่ง-บริเวณริมแม่น้ำสาละวินฝั่งตรงข้าม จ.แม่ฮ่องสอน มีค่ายพักพิงชั่วคราว 2 แห่งคืออิตูท่าและอูแวโกล ซึ่งเป็นชาวบ้านกะเหรี่ยงที่หลบหนีการสู้รบระหว่างทหารพม่ากับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์มาตั้งแต่ 14 ปี ก่อน ซึ่งเดิมทีได้รับข้าวของและสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิตจากการบริจาคขององค์กรนานาชาติที่เป็นฝรั่ง แต่ต่อมาภายหลังจากการเลือกตั้งในพม่า กลุ่มองค์กรนานาชาติเหล่านี้ได้ตัดความช่วยเหลือทั้งหมด ทำให้ชาวบ้านต้องประสบความลำบากมาก อย่างไรก็ตามชาวกะเหรี่ยงที่ทำงานอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ร่วมกันบริจาคเงินซื้อข้าวและสิงของจำเป็น โดยสินค้าทั้งหมดซื้อจากฝั่งไทย และซื้อข้าวสารสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพราะมีทุนจำกัด ดังนั้นเมื่อมีการปิดด่านและห้ามเรือวิ่ง ทำให้ชาวบ้านในค่ายโดยเฉพาะเด็กๆ ต้องอดข้าว
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – สำนักข่าวชายขอบ https://transbordernews.in.th/home/?p=24850