“อู่ฮั่น” ปิดโรงพยาบาลชั่วคราวครบทั้ง 16 แห่ง สิ้นสุดภารกิจครั้งประวัติศาสตร์

“อู่ฮั่น” ปิดโรงพยาบาลชั่วคราวครบทั้ง 16 แห่ง สิ้นสุดภารกิจครั้งประวัติศาสตร์

อู่ฮั่น, 10 มี.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันอังคาร (10 มี.ค.) โรงพยาบาลชั่วคราว 2 แห่งสุดท้ายในนครอู่ฮั่น ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในมณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน ปิดตัวลงอย่างเป็นทางการแล้ว

ผู้ป่วยกลุ่มสุดท้ายจำนวน 49 ราย เดินทางออกจากโรงพยาบาลชั่วคราวอู่ชาง เมื่อ 15.30 น. ของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น

โรงพยาบาลชั่วคราวแห่งนี้ดัดแปลงจากสนามกีฬาอู่ชางหงซาน เปิดรับผู้ป่วยเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ก.พ. พร้อมเตียงผู้ป่วยจำนวน 784 หลัง และมีผู้ป่วยทยอยเข้ามารับการรักษาทั้งหมด 1,124 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายและออกจากโรงพยาบาล 833 ราย และผู้ป่วยที่ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลอื่น 291 ราย

ส่วนโรงพยาบาลชั่วคราวอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเปิดให้บริการในวันที่ 14 ก.พ. ได้ปิดตัวลงในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน หลังปฏิบัติการรักษาผู้ป่วยนาน 26 วัน

โรงพยาบาลชั่วคราวแห่งนี้ถูกดัดแปลงจากศูนย์กีฬาในเขตเจียงเซี่ยของอู่ฮั่น และมีการใช้วิธีรักษาด้วยยาตามแพทย์แผนจีน (TCM) โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 1 เดือนนั้น โรงพยาบาลชั่วคราวแห่งนี้รับผู้ป่วยเข้ามารักษาทั้งสิ้น 564 ราย ในจำนวนนี้หายป่วยและได้รับการปล่อยตัว 392 ราย

ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ นครอู่ฮั่นได้ดัดแปลงสถานที่อำนวยความสะดวกสาธารณะต่างๆ อาทิ ศูนย์นิทรรศการและโรงยิม ให้เป็นโรงพยาบาลชั่วคราวจำนวน 16 แห่ง เพื่อรักษาผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงและทำการแยกแหล่งของการติดเชื้อ

หวังเฉิน รองประธานสถาบันวิศวกรรมศาสตร์แห่งชาติจีน (CAE) และประธานสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์จีน (CACMS) กล่าวว่าโรงพยาบาลชั่วคราวเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ทรัพยากรทางสังคมขั้นต่ำที่สุดและใช้สถานที่ที่เรียบง่ายที่สุด เพื่อขยายขีดความสามารถในการรักษาและรับผู้ป่วยเข้ามารักษาให้มากขึ้นในเวลาอันสั้น

จางโป๋ลี่ นักวิชาการจากสถาบันวิศวกรรมศาสตร์แห่งชาติจีน กล่าวว่าการปิดโรงพยาบาลชั่วคราวทั้งหมดในอู่ฮั่น แสดงให้เห็นว่าโรงพยาบาลเหล่านี้ได้เสร็จสิ้นภารกิจครั้งประวัติศาสตร์ในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาแล้ว

จางเสริมว่าโรงพยาบาลชั่วคราวทั้ง 16 แห่งในอู่ฮั่น รับผู้ป่วยเข้ามารักษารวมทั้งหมด 13,000 ราย และทำหน้าที่ในปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – สนุกนิวส์   https://www.sanook.com/news/8050634/

 

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *