ครอบครัวแพะตรัง! คดีข่มขืนเด็กหญิง 8 ขวบ เตรียมฟ้องกลับตำรวจ

ครอบครัวแพะคดีข่มขืนเด็กหญิง 8 ขวบ เตรียมฟ้องกลับ ตร. ในการจับกุมบุตรชาย และนำไปแถลงข่าว รวมทั้งพล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ขณะนั้น ที่ได้เดินทางไปเป็นประธานในการแถลงข่าวด้วยตนเองในวันที่ 12 พฤษภาคม หลังเกิดเหตุและตำรวจจับกุมบุตรชาย

เมื่อวานนี้ (6 ก.ย.) นายรชต ซู่สั้น อายุ 53 ปี บิดาของ นายศรัณรัชต์ ซู่สั้น หรือ เฟิร์ส อายุ 20 ปี ซึ่งเคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงวัย 8 ขวบ และจับกรอกน้ำอัดลมผสมยาบ้าจนเกินขนาด จนเกิดอาการช็อกเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา

นายรชต กล่าวว่า ทางครอบครัวเตรียมดำเนินการฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการจับกุมบุตรชาย และนำไปแถลงข่าว รวมทั้งพล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ขณะนั้น ที่ได้เดินทางไปเป็นประธานในการแถลงข่าวด้วยตนเองในวันที่ 12 พฤษภาคม หลังเกิดเหตุและตำรวจจับกุมบุตรชาย

ตนทำงานในตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มที่ “ลันตาแซนรีสอร์ท แอนด์สปา เกาะลันตา จ.กระบี่ ส่วนบุตรชายคือ น้องเฟิร์ส ทำงานในตำแหน่งบาร์เทนเนอร์ ประจำเซาท์เทิร์น รีสอร์ทแอนด์สปา เกาะลันตา จ.กระบี่ ตนได้ปรึกษาทนายที่เข้ามาดูแลคดีของลูกชายตนเองตั้งแต่ต้นว่า จะดำเนินการฟ้องร้องกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจับกุมลูกชายตนเองและถูกยัดข้อหาข่มขืนและฆ่าเด็กหญิงวัย 8 ขวบ ซึ่งเป็นลูกสาวคนใกล้บ้าน

โดยหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้หลักฐานเดียวในการจับกุมลูกชายตนเองในวันรุ่งขึ้นคือ คำบอกเล่าของมารดาของเด็กที่ระบุว่า นายเฟิร์สเป็นคนทำ ก็ไปจับกุมและนำมาแถลงข่าวในทันที โดย พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ขณะนั้นเป็นประธาน โดยนำตัวมาแถลงในภาคเช้า ก่อนที่หมายจับจะออกในภาคบ่าย

ที่สำคัญคือ ไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่านายเฟิร์สเป็นคนทำ โดยนายเฟิร์สและตนเองก็ยืนยันมาโดยตลอดว่า นายเฟิร์สไม่ได้ทำ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมตรวจสอบพยานหลักฐาน รวมทั้งไม่สืบสวนกลั่นกรองให้แน่ชัดเสียก่อน ก่อนจะจับกุม และนำมาแถลงข่าว

โดยในการแถลงข่าวก็ไม่ได้มีการปิดบังอำพรางใบหน้าใดๆ แม้แต่น้อย และหลังจากนั้นข่าวออกอย่างคึกโครม สังคมภายนอกก็ประณามว่าลูกชายตนเองเป็นคนเลว เป็นคนชั่ว บ้ากาม ถูกสังคมประณามไปแล้ว ขณะที่เพื่อนบ้าน รวมทั้งญาติพี่น้องและเพื่อนชาวต่างชาติ ต่างก็ไม่เชื่อว่าลูกชายของตนเองจะกระทำความผิดในเรื่องดังกล่าวได้

ซึ่งหลังลูกชายถูกจับทำให้ครอบครัวตนเองและครอบครัวลูกชายต้องได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ตัวเขาต้องเข้าไปอยู่ในคุกในสิ่งที่เขาไม่ได้กระทำ ต้องขาดงาน ขาดรายได้ ตนเองก็ต้องลางานมาช่วยเหลือลูกชายประมาณ 2 เดือน กว่าจะได้รับการปล่อยตัว และอัยการสั่งไม่ฟ้อง

ระหว่างนั้นไม่ได้ทำงาน เงินทองที่เก็บไว้เพื่อไว้เป็นทุนศึกษาของลูกสาว ซึ่งเรียนที่มหาวิทยาลัยในชั้นปีที่ 4 ก็มาหมดไป และต้องหยุดเรียนกลางคันจนบัดนี้ ไมมีเงินกลับไปศึกษาต่อ ครอบครัวต้องเป็นหนี้จากการกู้หนี้ยืมสิน เพื่อนำมาช่วยเหลือลูกชาย สุขภาพจิตของทุกคนก็ย่ำแย่ โดยเฉพาะตนเองอยู่ในภาวะเครียดจนขณะนี้ก็ยังนอนไม่หลับ น้ำหนักลด ต้องไปพบแพทย์ทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง

โดยตอนนี้ครอบครัวตนเป็นหนี้ประมาณ 180,000 บาท มาจนถึงขณะนี้ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใด แสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ตนเองอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเหลียวมาแลตน ลูกชาย และครอบครัวตนเองบ้าง ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของเจ้าหน้าที่

โดยขณะนี้ได้ปรึกษาทนายความแล้วเตรียมฟ้องกับตำรวจทุกนายที่เกี่ยวข้องรวมทั้งอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ด้วย ซึ่งคาดว่าจะเรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 800,000 บาท แต่หากเจ้าหน้าที่เข้ามาพูดคุยและแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำที่ได้ทำกับครอบครัวของตน ก็พร้อมจะพูดคุย เพราะส่วนตัวก็เข้าใจการหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ แต่หากไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ก็ยืนยันจะฟ้องร้องให้ถึงที่สุด

และเห็นด้วยที่นายกรัฐมนตรีออกคำสั่งไม่ให้ผู้นำผู้ต้องหา หรือผู้ต้องสงสัยออกมาแถลงข่าว โดยขาดพยานหลักฐาน เพราะเกิดกับตนเองแล้ว ทำให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน พร้อมเรียกร้องไปยังสังคม หากได้รับข่าวสารในเบื้องต้น ขอให้อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า คนที่ถูกนำมาแถลงเป็นคนร้าย เป็นคนเลว อยากให้วิจารณญาณในการตัดสิน และอยากให้ดูครอบครัวตนเป็นกรณีตัวอย่าง

ทางด้าน นายศรัณรัชต์ หรือ เฟิร์ส ได้กล่าวว่า ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้น แต่ก็ยังต้องตอบคำถามทุกคนที่รู้จัก แม้เขาจะไม่เชื่อตนเองจะกระทำ แต่เขาก็อยากได้ยินจากปาก อยากเรียกร้องให้ตำรวจทำงานให้รอบคอบกว่านี้

ตนเห็นด้วยไม่ควรนำผู้ต้องสงสัยไปแถลงข่าว แต่หากมีพยานหลักฐานระบุชัดว่าเขาเป็นคนกระทำความผิดจริง ก็ควรจะนำไปแถลงข่าว เพื่อให้สังคมทั่วไปได้รับรู้ แต่ต้องมั่นใจว่าเป็นคนร้ายจริง ส่วนตัวก็ยืนยันจะฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ให้ถึงที่สุด ถ้าไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อเรื่องที่เกิดขึ้น

แหล่งข่าวจาก http://news.sanook.com/2062298/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *