สังคมเสื่อม!! พ่อเลี้ยงขืนใจ ด.ญ. ถ่ายคลิปซ้ำ แม่แท้ๆ นอนดู เล่นมือถือ ชิลๆ ไม่ช่วย

สังคมเสื่อม!! พ่อเลี้ยงขืนใจ ด.ญ. ถ่ายคลิปซ้ำ แม่แท้ๆ นอนดู เล่นมือถือ ชิลๆ ไม่ช่วย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่สน.นิมิตรใหม่ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พาพ่อ แม่เลี้ยง และป้าของ ด.ญ หนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง เข้าพบ พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รอง ผบก.น.3 และพ.ต.อ.คมสันต์ บดิกาญจน์ ผกก.สน.นิมิตรใหม่ เพื่อติดตามคดี

กรณี ด.ญ.หนึ่ง ถูกพ่อเลี้ยงล่วงละเมิดทางเพศมานานกว่า 1 ปี และถ่ายคลิปไว้ข่มขู่ โดยมีแม่แท้ๆ รู้เห็นให้การสนับสนุน ซึ่งทางผู้เสียหายร้องทุกข์มายังมูลนิธิปวีณาฯ ขอช่วยให้ความเป็นธรรม และขอให้ช่วยเด็กหญิงวัย 8 ขวบ น้องสาวของเด็กหญิงหนึ่งให้หลุดพ้นความดูแลของแม่ เพราะกลัวว่าจะให้ไปบำเรอกามพ่อเลี้ยงอีกคน และหลังตำรวจจับกุมตัวแม่แท้ๆ กับพ่อเลี้ยงแล้ว จะขอรับตัวเด็กหญิง 8 ขวบ มาอยู่ในความดูแลของพ่อและป้า

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา นายหนิง (นามสมมติ) อายุ 43 ปี พ่อแท้ๆ และนางน้อย (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ป้า ได้พาเด็กหญิงหนึ่ง อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง (ทั้งหมดนามสมมติ) เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่า หลังพ่อและแม่ของเด็กหญิงหนึ่งแยกทางกันเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ฝ่ายแม่ได้นำลูกสาวทั้ง 2 คน คือเด็กหญิงหนึ่ง และน้องสาวอายุ 8 ขวบ ไปเลี้ยงดูอยู่บ้านย่านคลองสามวา กรุงเทพฯ และมีสามีใหม่ อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ส่วนพ่อของเด็กหญิงหนึ่งก็ไปมีครอบครัวใหม่เช่นกัน

โดย นางน้อย ผู้เป็นป้า ได้เปิดเผยว่า เมื่อ 2 วันก่อน ได้รับการติดต่อจากครูของเด็กหญิงหนึ่งจึงรีบเดินทางไปที่โรงเรียน ก่อนจะทราบว่าหลานไปปรึกษาครูเรื่องถูกพ่อเลี้ยงล่วงละเมิดทางเพศมาประมาณ 1 ปีและแม่ก็รู้เห็นเป็นใจไม่ช่วยเหลือแถมยังส่งเสริมให้พ่อเลี้ยงทำเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้พ่อเลี้ยงยังได้ถ่ายภาพ ด.ญ.หนึ่ง ขณะร่วมเพศกับพ่อเลี้ยง เก็บไว้พร้อมข่มขู่ไม่ให้บอกใคร มิฉะนั้นจะนำคลิปไปเผยแพร่ประจาน ทำให้หลานกลัวไม่กล้าบอกใคร และไม่กล้าติดต่อกับพ่อเพราะกลัวแม่กับพ่อเลี้ยงจะรู้ ซึ่งหลานจะถูกเช็กดูโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดว่าติดต่อกับใครบ้าง จนสุดท้ายหลานทนไม่ไหวนำเรื่องมาบอกครู จากนั้นตนได้รับหลานกลับจากโรงเรียนก่อนเดินทางไปที่บ้านแม่กับพ่อเลี้ยงเพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้โดยแม่ของ ด.ญ.หนึ่ง ยอมรับกับป้าว่าผิดไปแล้วและขอโทษ ส่วนพ่อเลี้ยงก็โวยวายไม่ยอมรับและเดินหนี ตนจึงค่อยๆ เจรจากับแม่เด็กทำทีจะไม่เอาเรื่องแลกกับการขอรับตัวเด็กหญิงหนึ่งและน้องสาว 8 ขวบ ออกมาจากบ้าน แต่แม่เด็กยอมให้เด็กหญิงหนึ่งออกมาเพียงคนเดียว ไม่ยอมให้น้องสาวออกมาด้วย ซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำยังไง เป็นห่วงหลานคนเล็กมาก แต่ก็ต้องนำเด็กหญิงหนึ่งมาคนเดียวก่อนและมาปรึกษากับพ่อเด็กอีกครั้ง

นางน้อยยังเปิดเผยต่ออีกว่า หลังเด็กหญิงหนึ่งมาอยู่กับตน พ่อเลี้ยงก็มักจะส่งข้อความมาทางไลน์ของหลานอยู่ตลอด ใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย ด่าทอเด็กต่างๆ นานา พร้อมส่งรูปภาพขณะร่วมเพศระหว่าง ด.ญ.หนึ่ง กับพ่อเลี้ยง มาข่มขู่ถ้าไม่รีบกลับไปอยู่กับพ่อเลี้ยง มิฉะนั้นจะนำรูปดังกล่าวเผยแพร่ประจาน และหลานยังเล่าให้ฟังอีกว่า ก่อนหน้าที่จะถูกล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่ปีที่แล้ว พ่อเลี้ยงได้นำยาเม็ดกลมๆ สีฟ้า มาให้กินโดยบอกว่าเป็นยาบำรุงเลือด เพราะตนเองเป็นโรคธาลัสซีเมีย หรือ โรคโลหิตจาง ซึ่งตนก็เชื่อพอกินเข้าไปกลับมีอาการเบลอ สะลึมสะลือ กระทั่งมารู้ตัวอีกทีก็ถูกพ่อเลี้ยงกระทำแล้ว จากนั้นพ่อเลี้ยงก็จะนำยาดังกล่าวมาให้กินอีกทุกวันศุกร์ หลังกลับมาจากโรงเรียน จากนั้นก็จะถูกล่วงละเมิดทางเพศอีกตลอดคืนจนถึงวันเสาร์ และที่พ่อเลี้ยงให้กินยาทุกเย็นวันศุกร์ก็เพราะหลังกินยาเข้าไปแล้วจะมีอาการเบลอ เวียนศีรษะ ทำอะไรไม่ได้เลย ซึ่งเสาร์อาทิตย์ไม่ต้องไปโรงเรียนจะได้อยู่บ้าน ถ้าตนปฏิเสธไม่กินยาก็จะถูกแม่ดุด่าและบังคับให้กินจนได้

หลานยังเล่าอีกว่า เมื่อก่อนนี้จะถูกกระทำช่วงวันศุกร์-เสาร์ แต่ระยะหลังถูกกระทำเป็นประจำแทบจะวันเว้นวัน แต่ก็ต้องทนไม่กล้าไปขอความช่วยเหลือจากใครเพราะกลัว และแม่ตัวเองก็ไม่เคยช่วยเหลืออะไรเลย ซึ่งระยะหลังเวลา ด.ญ.หนึ่ง ถูกข่มขืนให้ร่วมเพศ แม่ก็ยังมานอนอยู่ข้างๆ เล่นโทรศัพท์มือถืออีกด้วยไม่ช่วยเหลืออะไรเลย เมื่อมาดูรูปถ่ายขณะร่วมเพศที่พ่อเลี้ยงส่งมาข่มขู่ตลอด รูปภาพดังกล่าวน่าจะมีบุคคลที่สามเป็นคนถ่ายให้ หลังเกิดเรื่องพ่อเด็กหญิงหนึ่งได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่สน.คันนายาว โดยทางเรายืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จึงได้พากันมาร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี

หลังรับเรื่องนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.วาสุเทพ คงกล่อม ผกก.สน.คันนายาว ก่อนให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พาผู้เสียหายไปพบ

ซึ่งทาง พ.ต.อ.วาสุเทพ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรม พร้อมสั่งการให้พนักงานสอบสวนนัดสอบสหวิชาชีพเด็กหญิงหนึ่งในวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเด็กให้การยืนยันชัดเจน ขณะที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ ได้พาผู้เสียหายไปตรวจร่างกายตามใบส่งตัวที่พนักงานสอบสวนออกให้มา ผลเบื้องต้นพบมีร่องรอยถูกล่วงละเมิดทางเพศ

ทั้งนี้หลังการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในความรับผิดชอบของสน.นิมิตรใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่คาบเกี่ยว ทางพนักงานสอบสวนหญิงของสน.คันนายาว จึงได้รวบรวมสำนวนและพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งต่อให้กับทางพนักงานสอบสวนของสน.นิมิตรใหม่ พนักงานสอบสวน สน.นิมิตรใหม่ สอบปากคำพ่อแท้ๆ และป้าเพิ่มเติมและทางผู้เสียหายได้ยืนยันตามคำให้การพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว จึงได้รวบรวมเอกสาร นำไปขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีออกหมายจับแม่แท้ๆ กับพ่อเลี้ยงเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ต่อมาทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวแม่แท้ๆ คือ นางเอ (นามสมมติ)
กับพ่อเลี้ยง คือ นายบี (นามสมมติ) มาสอบสวนที่ สน.นิมิตรใหม่ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหากับพ่อเลี้ยง 1.กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี 2.กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีเนื่องจาก ช่วงเวลาที่กระทำความผิดนั้น เด็กหญิงผู้เสียหาย อยู่ระหว่าง อายุ 12 ปี แล้วถูกกระทำ มาจนถึงปัจจุบันอายุ 13 ปีเศษ พร้อมกันนี้ยังแจ้งข้อหาผู้กระทำผิดได้บันทึกภาพหรือเสียงการกระทำชำเราไว้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์

ส่วนแม่แท้ๆ ตำรวจแจ้งข้อหาเป็นผู้สนับสนุน ผู้กระทำความผิดตามข้อหาข้างต้นซึ่งมีโทษ 2 ใน 3 ที่ผู้กระทำความผิดถูกตัดสิน

 

ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – ข่าวสด   https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_3447019

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *