ผบช.ภาค 3 ลงมาสอบด้วยตัวเอง คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทองให้ห้างบิ๊กซี บุรีรัมย์ ได้ทองไปกว่า 160 บาทเมื่อปลายปี หลังตระเวนเอาทองไปขายตามร้านต่างอำเภอ ตำรวจแกะรอยรวบได้กลางทาง สารภาพสิ้น วิธีชิงทองในห้าง ระบุคนในห้างมีเอี่ยวติดต่อทางเฟชบุ๊ก หลังเสร็จภารกิจปิดเฟชบุ๊กไม่รู้จักกัน
วันที่ 14 ม.ค. 63 พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้เดินทางมาสอบปากคำนายประวิทย์ ไชยคีนี อายุ 32 ชาว ต.บ่อไทย อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ผู้ต้องหาคดีชิงทองในร้านทอง”เยาวราชสินทวี”ภายในห้างบิ๊กซี สาขาบุรีรัมย์ ได้ทองไปจำนวน 163 บาท แล้วหนีลอยนวล เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 27 ต่อ 28 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ โดยหลังเกิดเหตุ ตำรวจได้พยายามหาเบาะแส แต่ก็เป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากเหตุเกิดขึ้นในช่วงกลางคืนไม่มีผู้คนอยู่ มีเพียงวงจรปิดที่เห็นบ้างบางจุด และคนร้ายสามารถรู้ช่องทางภายในร้านทองเป็นอย่างดี รวมถึงช่องทางหลบหนีที่คนร้ายออกไปอย่างไร้ร่อยรอย
หลังจากตำรวจแกะรอยอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้รับแจ้งจากร้านทองแห่งหนึ่งในตัว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ว่ามีคนเอาทองของร้านเยาวราชสินทวี และคนเอามาขายมีพฤติกรรมต้องสงสัย ตำรวจจึงสะกดรอยตามคนร้ายที่ขับรถวิ่งจากตัวอำเภอนางรอง จะเข้าตัวเมืองบุรีรัมย์ เมื่อมาถึงเขต ต.หนองสองห้อง อ.เมือง รถคนร้ายได้จอดข้างทาง ตำรวจจึงบุกชาร์ท เมื่อนำตัวมาสอบสวน นายก็รับสารภาพว่า เป็นคนลงมือขโมยทองในตู้เซฟจริง นอกจานี้คนร้ายยังสารภาพด้วยว่า ก่อนลงมือตนได้รู้จักกับคนภายในห้างทางเฟชบุ๊ก จากนั้นก็ติดต่อกัน จึงเริ่มวางแผนที่จะชิงทอง โดยคนที่ติดทางเฟชบุ๊ก ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
โดยตนได้สัญญาว่าถ้าได้ทองจะแบ่งให้ส่วนหนึ่ง คนในห้างจึงบอกช่องทางและวิธีหลบซ่อนอยู่ในห้าง ก่อนจะลงมือขโมยทองในตู้เซฟได้สำเร็จ หลังจากนั้นต่างคนต่างปิดเฟชบุ๊ก ไม่รู้จักกันอีกเลย
ด้าน พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ระบุว่า พฤติกรรมของคนร้ายถ้าเปรียบเทียบกับการชิงทองที่จังหวัดลพบุรี เป็นคนละแนวทางอย่างสิ้นเชิง
ที่บุรีรัมย์ เป็นลักษณะลักทรัพย์ มีการโรยตัวมาจากบนหลังคา แล้วไปซ่อนตัวอยู่ในห้าง ก่อนจะเข้าไปลักทรัพย์ภายในร้านทอง ได้ทองไปจำนวน 163 บาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 3 ล้าน 8 แสนบาท นอกจากนี้ คนร้ายยังได้ทรัพย์สินเป็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และอื่นๆ คิดเป็นเงินอีกกว่า 300,000 บาท รวมทรัพย์สินที่คนร้ายขโมยไปกว่า 4 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามกรณีที่คนร้ายเข้าไปสามารถงัดตู้เซฟร้านทองได้ เชื่อว่าน่าจะมีคนร่วมกระบวนการหาข้อมูล ซึ่งทางตำรวจจะเร่งสืบสวนหาผู้เกี่ยวข้องในการลักทรัพย์ในครั้งนี้ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป
สำหรับทรัพย์สินที่ตำรวจยึดกลับคืนมาได้ เป็นทองจำนวน 101 บาทจากที่หายไป 163 บาท รถยนต์ โตโยต้า วีโก้4ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ขษ 6858 นครราชสีมา อีก 1 คัน ที่ผู้ต้องหาเอาเงินไปซื้อมาในราคา 300,000 บาท รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮ้อนด้าคลิก สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กถ 3720 บุรีรัมย์ เงินสดอีก150,000 บาท และเงินในบัญชีธนาคารอีก 250,000 บาท นอกจากนี้ยังยึดยาบ้าได้อีก 24 เม็ดที่อยู่ในรถยนต์
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย มียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษโดยผิดกฎหมาย ลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – ข่าวบ้านเมือง https://www.banmuang.co.th/news/crime/176765