แก๊งโจ๋ถ่อย! รุมขืนใจ เด็กหญิงพิการวัย 14 ยังเดินลอยนวล อ้างมีเส้นใหญ่

แก๊งโจ๋ถ่อย! รุม ขืนใจ เด็กหญิงพิการวัย 14 ยังเดินลอยนวล อ้างมีเส้นใหญ่

ขืนใจ – วันที่ 14 ส.ค. นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ชาว ต.หนองแปน อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ พา ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ลูกสาว นักเรียนชั้นม.2 ซึ่งเป็นผู้พิการทางสมอง เข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำงรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ และเดินทางเข้าร้องทุกข์ พร้อมยืนหนังสือกับพล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์

เพื่อให้เร่งรัดคดีลูกสาวถูกวัยรุ่น 2 คน หลอกไปแล้วผลัดกันข่มขืน หลังจากได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. ซึ่งเวลาผ่านมากว่า 4 เดือนแล้วคดีกับไม่มีความคืบหน้า และคนร้ายวัยรุ่นที่ก่อเหตุยังลอยนวลในหมู่บ้านเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นายเอ กล่าวว่า ตนมีลูกสาวเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นผู้พิการประเภทที่ 3 พิการทางสมอง เนื่องจากได้รับอุบัติเหตุเมื่อ 5 ปีก่อน ส่วนภรรยาได้แยกทางกันไปหลายปีแล้ว สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 20 คาบเกี่ยววันที่ 21 มี.ค. ลูกสาวได้แอบออกไปเที่ยวดูหมอลำกับเพื่อนที่ ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ กระทั่งกลางดึกยังไม่เห็นกลับมา

ด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากลูกสาวพิการจะต้องดูแลเป็นพิเศษจึงได้ออกตามหาจนถึงรุ่งเช้าก็ไม่พบตัว จึงไปสอบถามเพื่อนที่ไปด้วยกันทราบว่าลูกสาวน่าจะอยู่ที่บ้านลาด ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นตนจึงรีบไปสอบถามกับผู้ใหญ่บ้านจึงทราบว่าลูกสาวอยู่ที่บ้านวัยรุ่นคนหนึ่ง จึงไปติดตามตัว ซึ่งก็พบความผิดปกติ เนื่องจากลูกสาวมีอาการซึมเศร้า จึงพยายามสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น

ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะลูกสาวกับเพื่อนกำลังกลับจากดูหมอลำปรากฏว่ารถจักรยานยนต์น้ำมันหมด จึงแวะขอความช่วยเหลือกับคนรู้จักที่บ้านลาด และได้ไปพบกลุ่มวัยรุ่นกำลังนั่งดื่มสุรากันอยู่บ้านหลังหนึ่ง ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะออกอุบายหลอกให้ลูกสาวดื่มสุรา

ส่วนเพื่อนที่ไปด้วยกันขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านไปก่อน จากนั้นวัยรุ่นคนดังกล่าวอายุ 18 ปี ได้ลากลูกสาวของตนเข้าไปในบ้านพร้อมกับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ก่อนที่จะเดินออกมาแล้วผลัดให้เพื่อนอายุ 22 ปีที่นั่งดื่มสุราด้วยกันเข้าไปข่มขืนซ้ำอีกรอบ จนกระทั่งตนตามมาถึงที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งยังถูกวัยรุ่นทั้งสองคนข่มขู่ทำร้ายอีกด้วย

ญาติคนมีสี?

นายเอ กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุตนได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ พร้อมกับนำตัวลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกมลาไสยในวันที่ 21 มี.ค. จากนั้นวันที่ 14 พ.ค. พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ให้ตนเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมและยืนยันดำเนินคดีอาญากับวัยรุ่นที่ข่มขืนลูกสาวทั้ง 2 คน

กระทั่งจนถึงปัจจุบันคดีไม่มีความคืบหน้า แม้แต่ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุยังเดินลอยนวลอยู่ในหมู่บ้าน ทราบว่าหนึ่งในนั้นเป็นญาติกับคนมีสีด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจได้เชิญตัวทั้งสองคนมาแล้วก็ปล่อยไป อ้างว่ายังไม่เป็นคดีความ ซึ่งตนในฐานะผู้เป็นพ่อและหัวอกพ่อ เกรงลูกสาวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงต้องเดินทางเข้ามาร้องทุกข์ดังกล่าว และยืนยันที่จะดำเนินคดีกับทั้งสองคนอย่างถึงที่สุด

ด้าน ด.ญ.บี อายุ 14 ปี กล่าวว่า หลังกลับจากดูหมอลำ เพื่อนได้พาขี่รถจยย.ไปที่บ้านลาด ซึ่งพอไปถึงวัยรุ่นที่นั่งดื่มสุราอยู่ก็ดึงตนลงรถจยย.บังคับให้ดื่มสุรา ส่วนเพื่อนที่พาไปนั้นขี่รถหนีไปก่อน ด้วยความกลัว และไม่รู้จักใครจึงต้องทำตาม จากนั้นวัยรุ่นก็ลากตนเข้าไปข่มขืนในบ้านจนเสร็จ และมีเพื่อนอีก 1 คน เข้ามาข่มขืนซ้ำอีก พร้อมกับข่มขู่ว่าห้ามนำเรื่องไปบอกใคร จนรุ่งเช้าพ่อได้ตามมาเจอตัวดังกล่าว ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับทั้งสองคนมาก่อน

ด้านพล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องร้องทุกข์ไว้ พร้อมกับสั่งการให้ผกก.สภ.กมลาไสย และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีชี้แจงเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น และให้เร่งรัดคดีโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเด็ก เยาวชน ทั้งนี้ทราบว่าคดีดังกล่าวนั้นก็มีความคืบหน้าไปมากแล้ว

ขณะที่ พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สภ.กมลไสย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าของคดี ซึ่งมี ร.ต.อ.ปรัชญา ตั๊นสกุล พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีนั้น หลังเกิดเหตุและผู้เป็นพ่อเข้ามาแจ้งความ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้เสียหายส่งตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ซึ่งผลตรวจก็พบว่าอวัยวะเพศมีการฉีกขาดพร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐาน

กระทั่งได้เชิญตัววัยรุ่นทั้งสองคนคือ เยาวชน อายุ 18 ปี และนายวุฒิพงษ์ อายุ 22 ปี เข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดาหรือผู้ปกครอง เพื่อการอนาจาร, พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจารและกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี

เบื้องต้นทั้งสองคนให้การรับสารภาพ จึงได้ปล่อยตัวไปชั่วคราว เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังเหลือการสอบปากคำผู้เสียหายที่เป็นเด็ก ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ซึ่งที่ผ่านมาตัวผู้เสียหายเองก็ยังไม่พร้อมที่จะให้ปากคำ จึงยังไม่สามารถสอบได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้เร่งดำเนินการของคดี และจะมีการนัดสอบปากคำผู้เสียหายร่วมกับทีมสหวิชาชีพในวันที่ 15 ส.ค. นี้ ก่อนที่จะสรุปสำนวนส่งอัยการต่อไป

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *