งานแรก สส.มงคลกิตติ์ ตั้งคณะสอบค่าโง่ทางด่วน

งานแรกป้อมปรามคอร์รัปชั่น!!! .วันที่ 6 มิ.ย.ที่อาคารทีโอที แจ้งวัฒนะ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ 1 ในสมาชิกกลุ่ม 10 พรรคการเมือง ได้ร่วมลงชื่อกับ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ และ เพื่อน ส.ส.อีก 18 ท่าน เพื่อเสนอยื่นญัตติด่วนต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏร เพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาค่าโง่ทางด่วนที่เกิดจากการบริหารงานคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.)กับ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ “BEM” ที่ผิดพลาดจนทำให้เกิดการฟ้องร้องดำเนินคดีมาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 คดี ซึ่งคาดว่ารัฐจะต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นเงินร่วม 1.37 แสนล้านบาท หากพ่ายทุกคดี โดยล่าสุด กทพ. ต้องเสียค่าปรับหรือค่าโง่ให้กับบริษัท BEM สองคดี คือ คดีทางด่วนปากเกร็ด-บางปะอิน จำนวน 4.3 พันล้านบาท และคดีที่กทพ.ไม่อนุมัติให้ขึ้นค่าทางด่วนตามสัญญา 1.9 พันล้านบาท โดยศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลปกครองกลาง

ขณะนี้ บอร์ดกทพ.ยังได้มีการเจรจาลดวงเงินที่ต้องจ่ายให้กับบริษัท BEM จาก 1.37 แสนล้านบาท มาอยู่ที่ 5.8 หมื่นล้านบาท และ มีมติขยายอายุสัมปทาน 3 โครงการ โครงการละ 30 ปี เป็นข้อแลกเปลี่ยน ประกอบด้วย ทางด่วนศรีรัช ทางด่วนศรีรัช ส่วนดี และทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด ซึ่งการต่ออายุสัมปทานดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างอัยการตรวจสอบร่างสัญญาก่อนที่จะลงนาม

ผมเห็นว่าข้อตกลง กทพ.อาจจะทำให้รัฐเสียโอกาส เพราะหากเปิดให้มีการทำประมูล รัฐอาจได้เงินประมาณ 2-3 แสนล้านบาท แต่หากให้ BEM ต่อสัมปทานออกไป 30 ปี เพื่อแลกกับคดี ตนมองว่าอาจจะทำให้รัฐเสียรายได้ และ การทำงานที่อาจจะบกพร่องทำให้รัฐต้องจ่ายค่าชดเชยกว่า 4.3 พันล้านบาท จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่ควรจะเอามาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการต่ออายุสัมปทานหรือรายได้ในอนาคตที่จะเข้าสู่ภาครัฐ .ดังนั้นเรื่องดังกล่าวยังไม่ควรจะเร่งรีบเพื่อต่ออายุสัมปทานด้วยเทคนิคพิเศษ ควรจะศึกษาให้รอบด้านถี่ถ้วนโดยมีตัวแทนประชาชนหรือเรียกว่าผู้แทนราษฏร ร่วมตรวจสอบถ่วงดุล เพราะ 5 ปี ที่ผ่านมามีกระบวนการตรวจสอบได้ไม่เต็มที่ ผมสนับสนุนเต็มที่

แหล่งข่าวจาก – ข่าวชัดประเด็นจริง  http://www.khaochad.com/334235?r=1&width=1600