จีนเผยเขี้ยวเล็บใหม่ ขีปนาวุธข้ามทวีปตงเฟิง-26 หัวรบนิวเคลียร์พิฆาตเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐ ยิงไกลถึงเกาะกวม! (คลิป)
จีนเผยเขี้ยวเล็บใหม่ ขีปนาวุธข้ามทวีปตงเฟิง-26 – วันที่ 29 ม.ค. เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า กองทัพจีนเผยแสนยานุภาพใหม่เป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง รุ่น ตงเฟิง-26 ซึ่งมีเสถียรภาพและความแม่นยำสูงขึ้นสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ใช้ยิงทำลายเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐอเมริกา และมีพิสัยไกลถึงฐานทัพสหรัฐบนเกาะกวม
อาวุธดังกล่าวถูกเปิดเผยผ่านคลิปของทางสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีระหว่างปฏิบัติการซ้อมรบของกองทัพจีนในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ โดยกองรบขีปนาวุธของจีนปล่อยขีปนาวุธพิสัยกลางตงเฟิง-26 ขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่งผลให้บรรดานักวิจารณ์มองตรงกันว่า เป็นความพยายามส่งสัญญาณโดยตรงต่อกองทัพสหรัฐ ว่าจีนมีแสนยานุภาพเพียงพอที่จะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อสหรัฐได้
รายงานระบุว่า ตงเฟิง-26 ได้รับขนานนามจากกองทัพจีนว่า กวม คิลเลอร์ หรือผู้ฆ่าเกาะกวม ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของฐานทัพเรือสหรัฐภาคพื้นแปซิฟิกซีกตะวันตก จรวดดังกล่าวมีพิสัยการยิงครอบคลุม 3,000 ถึง 5,741 กิโลเมตร สามารถติดตั้งได้ทั้งหัวรบพิฆาตเรือ และหัวรบนิวเคลียร์
อดัม นี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม็กไควรี นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า ภารกิจซ้อมรบที่เกิดขึ้นเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังสหรัฐ ว่าจีนนั้นมีแสนยานุภาพทางทหารที่เพียงพอในการสร้างความเสี่ยงให้กับกองทัพสหรัฐ อาทิ ฐานทัพ และกองเรือรบ
“เป็นความพยายามในตอกย้ำที่ว่ากองทัพจีนสามารถทำลายเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐ และสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อสหรัฐได้”
และว่า “ในมิติของการแข่งขันทางการทหารของจีนกับสหรัฐนั้น ภารกิจซ้อมรบของจีนเป็นเครื่องมือในการป้องปรามสหรัฐไม่ให้คุกคามผลประโยชน์ของจีน เช่น ไต้หวัน ที่สหรัฐนั้นสนับสนุนอยู่ คาดว่า ทางการจีนจะมีความเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ออกมาอีก หากความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐแย่ลง”
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเพียง 1 สัปดาห์ให้หลังการประกาศของพลเรือเอก จอห์น ริชาร์ดสัน ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ว่ากองทัพเรือสหรัฐยังไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ของการส่งเรือรบแล่นผ่านช่องแคบไต้หวัน
ขณะที่เรือรบ 2 ลำ ของสหรัฐที่แล่นผ่านช่องแคบไต้หวันเมื่อ 24 ม.ค. เผชิญกับฝูงบินรบของกองทัพจีนที่บินอยู่ห่างไปทางใต้ของไต้หวัน
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_2149746