ประเด็นร้อน : จับตาจุดพลิกผันเลือกตั้ง24มีนาฯ

จับตาจุดพลิกผันเลือกตั้ง24มีนาฯ

จับตาจุดพลิกผันเลือกตั้ง24มีนาฯ เงื่อนปมการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปี คลี่คลายลงชั่วคราว

หลังมีประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป หรือ พ...เลือกตั้งส.มีผลใช้บังคับเมื่อช่วงสายวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา

ทันทีทันใดช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ตั้งโต๊ะแถลงเปิดปฏิทินไทม์ไลน์ต่อสื่อมวลชน ถึงมติที่ประชุม กกต.กำหนดให้

24 มีนาคม เป็นวันเลือกตั้ง

โดยมีกำหนดเวลาดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่ กกต.ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 24 มกราคม คือ

วันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ เป็นวันเปิดรับสมัครส..แบบแบ่งเขต

ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่พรรคการเมืองต้องส่งรายชื่อส..แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมแจ้งชื่อบุคคลในบัญชีพรรคที่จะเสนอให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรี

สำหรับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ช่วง 28 มกราคม ถึง 19 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเปิดให้ผู้ประสงค์จะใช้สิทธิล่วงหน้าในและนอกเขตเลือกตั้ง

รวมถึงการใช้สิทธินอกราชอาณาจักร ลงทะเบียน โดยยื่นคำขอผ่านนายทะเบียนอำเภอ นายทะเบียนท้องถิ่น สถานเอกอัครราชทูตผ่านช่องทางไปรษณีย์หรืออินเตอร์เน็ต

โดยกำหนดให้ 4-16 มีนาคม เป็นวันออกเสียงนอกราชอาณาจักร และ 17 มีนาคม เป็นวันออกเสียงล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง และ 24 มีนาคม เป็นวันเลือกตั้งทั่วไป

เมื่อสัญญาณเลือกตั้งชัดเจน พรรค การเมืองและกลุ่มเคลื่อนไหวที่เคยหวาดระแวงว่าจะมีการเลื่อนเลือกตั้งออกไปไม่จบสิ้น ก็เบาใจไปได้เปลาะหนึ่ง

เพราะถึงจะมาช้า ก็ยังดีกว่าไม่มาเลย

ท่ามกลางเสียงปี่กลองเลือกตั้งดังรัวๆ

พรรคการเมืองเริ่มขยับไปตามจังหวะ ถึงจะยังไม่สามารถลุยหาเสียงได้เต็มรูปแบบ เพราะยังต้องรอหมายเลขประจำตัวผู้สมัครแต่ละเขต ที่จะทยอยรู้หลังวันที่ 4 กุมภาพันธ์

รวมถึงสถานที่ติดตั้งป้ายหาเสียง ก็ต้องรอให้กกต.ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อออกประกาศหลักเกณฑ์อีกครั้ง ซึ่งก็จะต้องรอถึงหลังวันปิดสมัครรับเลือกตั้งเช่นกัน

กกต.อ้างว่าถึงจะมีพ...เลือกตั้งแล้ว แต่ยังไม่มีการรับสมัคร จึงไม่ทราบชัดเจนว่าแต่ละพรรคจะส่งผู้สมัครกี่เขต ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้จะผูกพันกับจำนวนป้ายและค่าใช้จ่ายหาเสียงซึ่งเริ่มนับแล้วตั้งแต่วันที่24 มกราคม

ตลอดจนการหาเสียงผ่านโซเชี่ยลมีเดีย ซึ่งว่าที่ ผู้สมัครหลายคนยังสับสนว่าอะไรทำได้ อะไรไม่ได้ หลายคนไม่สนใจใครจะหาว่าเป็นกระต่ายตื่นตูม ชิงปิดเฟซบุ๊ก งดโพสต์หาเสียงไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัย

เพราะไม่ว่ารัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก ประกาศ ระเบียบ รูปแบบต่างๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้เปลี่ยนแปลงไปมากจากการเลือกตั้งในปี 2550 และ 2554

จนหลายอย่างเป็นอุปสรรค เช่น รูปแบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม การแบ่งเขตพิสดาร หรือล่าสุดการให้ผู้สมัครส.ต้องแสดงหลักฐานการเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปี เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม กฎกติกาเหล่านี้ถึงจะจุกจิก ไม่สมเหตุสมผล แต่ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่นักการเมืองและพรรคการเมืองต้องศึกษาให้แม่นยำถี่ถ้วนก่อนการ หาเสียง ไม่เช่นนั้นมีสิทธิ์ถูกแจกใบเหลืองใบแดง ได้ง่ายๆ

เหมือนที่ใครหลายคนทำนายไว้ก่อนหน้าว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ น่าจะมีการร้องเรียนกันมากเป็นประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผลเลือกตั้งไม่เป็นไปตามที่คนบางกลุ่มวาดหวังเอาไว้

หรือเป็นการเลือกตั้งเสียของนั่นเอง

สําหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ ในบรรดาพรรคการเมืองที่มีมากกว่า 100 พรรค ตามความเข้าใจของประชาชนได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ คือ

พรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นหัวขบวน กับพรรคฝ่ายคสชมีพรรคพลังประชารัฐ เป็นหัวขบวน

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ ต่างก็ได้รับการคาดหมายว่า พรรคใดพรรคหนึ่งในสองพรรคนี้จะได้รับเลือกตั้งจากประชาชนเสียงส่วนใหญ่ ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

และเป็นนายกรัฐมนตรี

ส่วนพรรคใดจะเสนอชื่อใครอย่างไรนั้น ไม่เกินวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเปิดรับสมัครเลือกตั้งก็จะได้รู้กัน ว่าประชาชนจะยี้” หรือเฮ” กันทั้งประเทศ

ตามที่มีข่าวล่าสุด แต่ละพรรคเตรียมเสนอชื่อแคนดิเดต นายกฯ ประชันกันดุเดือด ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะนอกจากนโยบายหาเสียง และผลงานในอดีตที่โดนใจชาวบ้าน

คนที่พรรคเสนอชื่อเป็นนายกฯ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้ขาดผลแพ้ชนะเลือกตั้งด้วย

แล้วก็ไม่ใช่เรื่องอยู่นอกเหนือความคาดหมาย จากข่าวพรรคพลังประชารัฐเตรียมใส่ชื่อพล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไว้ในบัญชีนายกฯ อันดับ 1

ตามด้วยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ แกนนำตัวจริงเสียงจริง

ซึ่งน่าจะชัวร์ 99 เปอร์เซ็นต์ ถึงเจ้าตัวพล..ประยุทธ์ จะยังไม่พูดออกมาให้ชัดๆ แต่คงเป็นเพราะกลัวถูกกระแสกดดัน ให้แสดงสปิริตเหมือน 4 รัฐมนตรีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ มากกว่าจะเป็นสัญญาณส่อพลิกโผ

เตรียมหันใช้ทางลัด รอเทียบเชิญนายกฯคนอก

ตามที่มีข่าวปล่อยออกมาเป็นระยะๆ

ขณะที่พรรคคู่ปรับอย่างพรรคเพื่อไทย

รายชื่อผู้ท้าชิงนายกฯ ตัวเลือกย่อมหนีไม่พ้นชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ และนายชัยเกษม นิติสิริ มือกฎหมายระดับ อดีตอัยการสูงสุด

สำหรับพรรครองๆ ลงมา พรรคไทยรักษาชาติจะเสนอชื่อร..ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค กับนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคพรรคประชาธิปัตย์เตรียมเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชื่อเดียว

เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย เสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคพรรคชาติไทยพัฒนา เสนอชื่อน..กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค และพรรคอนาคตใหม่ ที่คาดว่าจะเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคคนเดียวเช่นกัน

ขณะที่พรรคของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะไม่เสนอชื่อใครเลยแม้แต่หัวหน้าพรรคของตัวเอง เนื่องจากมีจุดยืนสนับสนุนพล..ประยุทธ์ มาตั้งแต่แรก

หากมองจากตรงนี้เส้นทางไปสู่การเลือกตั้ง 24 มีนาคม ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามสเต็ป

หากไม่มีการชี้ให้เห็นถึงจุดพลิกผันเสียก่อน

จุดพลิกผันที่ว่าก็คือหาก กกต.ไม่สามารถประกาศรับรองผลเลือกตั้งจำนวน 95 เปอร์เซ็นต์ ได้ทัน 9 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายตามกรอบเวลา 150 วัน นับจากพ...ว่าด้วยการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 11 ..2561 จะเกิดอะไรขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผลเลือกตั้งไม่เป็นไปตามที่บางพรรคตั้งเป้าไว้

ที่คาดการณ์กันไว้ก็คือ อาจมีการส่งคนไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพื่อเปิดช่องให้รัฐบาลคสช.อยู่รักษาการในอำนาจต่อไป จนกว่าจะกำหนดวันเลือกตั้งใหม่

ถึงจะเป็นการคาดการณ์ลอยๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับเรื่องนายกฯคนนอก และรัฐบาลแห่งชาติ ที่บางคนยังพยายามพูดถึงไม่เลิก

การเลือกตั้ง 24 มีนาคม เริ่มต้นเดินหน้าแล้ว แต่จะลงเอยอย่างไร ต้องติดตามเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด

ห้ามกะพริบตากันเลยทีเดียว

ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – ข่าวสด   https://www.khaosod.co.th/hot-topics/news_2135532

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *