จับพ่อลูกเศรษฐีเจ้าของสวนทุเรียนโหดแทงพรุนเชือดคอเพื่อนบ้าน
จับพ่อลูกเศรษฐีเจ้าของสวนทุเรียนโหดแทงพรุนเชือดคอเพื่อนบ้านทิ้งแม่น้ำหลังฉุนถูกทวงค่าแรงขุกบ่อเลี้ยงปลาเลยประชดจ่ายเหรียญบาทจนเกิดมีปากเสียงแล้วรุมลงมือฆ่า
เมื่อเวลา 10.20 น.วันที่ 20 พ.ย.61 พ.ต.ท.มนัส หมุนวงศ์ สว.(สอบสวน)สภ.ท่าแซะ ได้รับแจ้งเหตุพบศพที่คลองรับร่อ หมู่ที่ 2 ตำบลหินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงรายงงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.ท่าแซะ กำลังชุดสายตรวจสายสืบสวน แพทย์ รพ.ท่าแซะ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพร และหน่วยกู้ชีพรับร่อ
ที่เกิดเหตุริมตลิ่งห่างจากสะพานมิตรภาพรับร่อ-หินแก้วประมาณ 300 เมตร พบศพทราบชื่อภายหลังคือ นายวินัย สง่าธุระ อายุ 51 ปี อาชีพทำสวนยางพาราและรับจ้างทั่วไป อยู่บ้านเลขที่ 212 หมู่ 23 ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร สภาพศพนุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำตาลแถบดำไม่ใส่เสื้อลอยขึ้นอืดอยู่ในกอสวะข้างพุ่มไม้ มีบาดแผลถูกแทงและฟันที่กลางหน้าอกตามลำตัวมากกว่า 20 แผล และที่ลำคอถูกเชือดเป็นแผลเหวะหวะจนเกือบขาด เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน จึงส่งศพไปชันสูตรบาดแผลที่ รพ.ท่าแซะ อย่างละเอียด เพื่อประกอบหลักฐานทางคดี
จากการสอบสวนทราบว่าเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมาได้มี นางสำเนาว์ ปานไว อายุ 46 ปี ภรรยาผู้ตายได้มาแจ้งคนหายไว้ที่ สภ.ท่าแซะ หลังจากนายวินัยสามีหายออกไปจากจากบ้านตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นเมียผู้ตายและญาติๆเข้าใจว่านายวินัยสามีเป็นคนชอบออกไปหาของป่าแล้วพลัดหลงและพากันออกตามหาแต่ผ่านไปหลายวันก็ยังไม่กลับบ้านจึงไปแจ้งความคนหายดังกล่าว
ต่อมาเวลา 15.00 น.วันเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนออกหาข่าวและรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบตัวผู้ลงมือสังหารอย่างโหดเหี้ยมแล้วนำศพมาโยนทิ้งคลองอำพรางคดี พร้อมกับขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 2 คนคือ นายฤทธิเดช สุวรรณพานิช อายุ 29 ปี และนายวันชัย สุวรรณพานิช อายุ 54 ปี ทั้ง สองคนเป็นพ่อลูกกัน อยู่บ้านเลขที่ 209 หมู่ที่ 23 ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนไทย-เมียนมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปสอบสวนอย่างเคร่งเครียดโดยยังไม่ให้สื่อมวลชนเข้าทำข่าวเนื่องจากยังต้องเก็บหลักฐานต่างๆอย่างละเอียดจากจุดเกิดเหตุทุกขั้นตอนจนนำศพไปทิ้งอำพรางคดี นอกจากนั้นยังได้ตรวจยึดรถยนต์กระบะโตโยต้าไฮลักซ์ สีเขียว ทะเบียน บต.45 ชุมพร คันที่ใช้บรรทุกศพไปโยนทิ้งในคลองพร้อมกับให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือแผงและรอยคราบเลือดซึ่งยังเหลือติดอยู่ที่กระบะหลังหลายจุดและเก็บดีเอ็นเอของผู้ตายกับสองพ่อลูกผู้ก่อเหตุจกรถยนต์คันดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาสองพ่อลูกซึ่งมีอาชีพทำสวนทุเรียนมากกว่า 50 ไร่ เป็นคนมีฐานะดีระดับเศรษฐีในหมู่บ้าน รับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุฆ่านายวินัยผู้ตายจริง เนื่องผู้ตายซึ่งมีบ้านอยู่ห่างกันประมาณ 200 เมตร และเป็นเพื่อนสนิทที่ไปมาหาสู่กันอยู่เป็นประจำ ซึ่งได้ว่าจ้างให้มาช่วยขุดบ่อเลี้ยงปลาในสวนข้างบ้านโดยตกลงกันในราคา 1,500 บาท
ต่อมาช่วงเย็นของวันที่ 16 พ.ย. นายวินัยได้ไปขอค่าจ้างเพื่อจะให้ลูกชายใช้เป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปขึ้นทะเบียนทหารตามเกณฑ์อายุที่ว่าการอำเภอท่าแซะ ทำให้นายวันชัยผู้เป็นพ่อไม่พอใจที่ถูกทวงค่าจ้างและบอกว่ายังไม่มีให้แต่ไก้นำเหรียญบาทออกมาจ่ายประชดให้ไปก่อนจำนวน 200 บาท จนนายวินัยไม่พ่อใจหาว่าดูถูกเหยียดหยามตนเองจนเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงจึงถูกนายวันชัยกับนายฤทธิเดช 2 พ่อลูกรุมทำร้ายแล้วใช้มีดปลายแหลมฟันแทงอย่างไม่ยั้งมือจนฟุบลงกับพื้นที่บริเวณหน้าบ้านแล้วจับเชือดคอซ้ำจนเกือบขาด จากนั้นจึงลากศพไปซ่อนไว้ข้างบ้านกระทั่งช่วงค่ำได้ช่วยกันนำศพใส่รถยนต์กระบะพาไปโยนทิ้งจากสะพานสะพานมิตรภาพรับร่อ-หินแก้ว สูงจากผิวน้ำประมาณ 10 เมตร และอยู่ห่างจากจุดบ้านหลังเกิดเหตุราว 70 กิโลเมตร เพื่ออำพรางคดี จนกระทั่งมาถูกตำรวจจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและเคลื่อนย้ายอำพรางศพ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – ข่าวบ้านเมือง http://www.banmuang.co.th/news/crime/132324