นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าในส่วนทางด้านเศรษฐกิจ จะต้องดูหลังเลือกตั้ง มีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลได้วางโรดแมป กำหนดเลือกตั้งในปี 2560 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการใช้จ่ายภาครัฐ และการท่องเที่ยว จึงยังคงคาดการณ์ปีนี้เศรษฐกิจเติบโต อยู่ที่ 3.0-3.5% แต่ยังกังวลเหตุการณ์ความไม่สงบในต่างประเทศ อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม
นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า เมื่อรัฐธรรมนูญผ่านก็มีความชัดเจนระดับหนึ่ง จะได้รู้ว่าต่อไปกฎกติกาจะเป็นแบบนี้ มีการยอมรับแบบนี้ จะเขียนกฎหมายลูกต่อไป ส่วนกฎหมายพ่วงผลจะเป็นอย่างไรไม่มีผลต่อธุรกิจ ทั้งนี้การที่รัฐธรรมนูญครั้งนี้ผ่านเศรษฐกิจจะเติบโตถึง 4% ตามที่รมว.คลัง ประเมินหรือไม่เชื่อว่าต้องมาจากองค์ประกอบหลายส่วน โดยเฉพาะด้านการลงทุน ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของไทย ความชัดเจนของกฎหมายลูกต่างๆที่ตามมา เศรษฐกิจโลกที่เติบโตดี โดยรวมของเงื่อนไขต่างๆเป็นบวก ก็มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะเติบโตถึง 4% จากปัจจุบันเอกชนโดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) คาดการณ์ไว้ที่ 3-3.5% คงไม่ใช่แค่ปัจจัยจากรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว ต้องมาจากปัจจัยทั้งในและนอกประเทศ แต่ภาพรวมเป็นไปได้
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล ที่ปรึกษาหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าที่เสียงส่วนใหญ่ลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เพราะรับรู้แนวทางหลังจากนี้ว่าจะดำเนินต่อไปในทิศทางใด สำหรับประเด็นที่หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลจะขับเคลื่อนประเทศตามโรดแม็ปให้มีการเลือกตั้งในปี 2560 ก็ยังเชื่อมั่นว่าจะเป็นไปตามนั้น
นายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จะส่งผลดีในการดำเนินงานของรัฐบาลทำให้สามารถทำงานได้ตามแผนอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่ารัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือหากรัฐบาลควบคุมสถานการณ์ในประเทศให้อยู่ในความสงบได้ ก็จะส่งผลให้การค้า การลงทุน เป็นไปอย่างราบรื่น
ข่าวและภาพจาก: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1470575565
