แม่ใจสลายก้มจูบศพ นศ.อุเทนถวาย ถูกยิงเผาขน 4 นัด สิ้นใจต่อหน้า

แม่ใจสลายก้มจูบศพ นศ.อุเทนถวาย ถูกยิงเผาขน 4 นัด สิ้นใจต่อหน้า

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 12 ต.ค. ร.ต.อ.ธรรมโชติ พันธุ์ฟัก รอง สว.(สอบสวน)​สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ที่บริเวณปากซอยนวมินทร์ 57 (หมู่บ้านวังทองเฮ้าส์) แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพ ฯจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.ภาสกร รัตนปนัดดา ผกก.สน.ลาดพร้าว เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ตร. และอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นตลาดหน้าหมู่บ้าน ใกล้ปากซอยดังกล่าว พบศพนายกมลวิช สุวรรณทัต อายุ 24 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะโลจิสติก สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย​ สภาพนอนหงาย สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีส้ม นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว นอนเสียชีวิตใกล้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีบีอาร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 กก 4597 กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบเบื้องต้นพบบาดแผลจากกระสุนปืนไม่ทราบขนาด เข้าที่บริเวณกลางหลังจำนวน 4 นัด กระสุนฝังใน และพบหัวกระสุนไม่ทราบขนาดตกอยู่ข้างศพ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

อุเทนถวาย
เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบศพ นศ.อุเทนถวาย ถูกยิงดับ

จากการสอบสวนนางเขมนิจ สุวรรณทัต อายุ 54 ปี มารดาผู้เสียชีวิต ระบุว่า ช่วงเกิดเหตุให้ลูกชายมาขยับรถจักรยานยนต์ เพื่อจะเอาถังน้ำไปล้างภาชนะสำหรับขายราดหน้า จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 ครั้ง เมื่อหันไปดูก็พบว่าลูกชายล้มลงที่พื้นต่อหน้าต่อตา ขณะนั้นมองเห็นคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงิน ใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ปิดบังใบหน้า วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่มีคนร้ายอีกคนจอดติดเครื่องไว้ ใต้สะพานลอยคนข้ามบริเวณปากซอย แล้วหลบหนีไป

นางเขมนิจ กล่าวต่อว่า ตนมาขายราดหน้า และผัดซีอิ๊ว ที่บริเวณดังกล่าวมาแล้ว 2 เดือน โดยลูกชายจะทำอาชีพเสริม คือการขับรถจักรยานยนต์ส่งของกับบริษัท เคอรี่ฯ​ เมื่อเลิกงานประมาณ 2 ทุ่ม ก็จะมาช่วยขายราดหน้า ซึ่งลูกชายเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 และใกล้จะเรียนจบ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ภาพที่เห็นลูกชายต้องมาถูกยิงเสียชีวิต มันโหดร้ายเหลือเกิน อุเทนถวาย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดหารถของคนร้าย และเส้นทางที่ใช้หลบหนี พร้อมสอบปากคำพยานในจุดเกิดเหตุ เพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

แหล่งข่าวจาก – ข่าวสด  https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1682151

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *