ใกล้สัญชาติไทยอีกขั้น แม่เฒ่าไร้สัญชาติ ยื่นคำร้องขอลงรายการสัญชาติไทย นักวิชาการนิติศาสตร์ ชี้เป็นชาวเขาดั้งเดิมของแผ่นดินไทย

วันที่ 25 กันยายน 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ว่าการอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย แม่เฒ่าไร้สัญชาติชาวอีก้อ (อาข่า) 4 ราย ได้เดินทางจากหมู่บ้านกิ่วสะไต หมู่ 19 ต. ป่าตึง อ.แม่จัน มายังอำเภอแม่จัน เพื่อ ยื่นคำร้องขอลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนราษฎร ได้แก่นางจางจ้า เบ่ก่ากู่ อายุ 81 ปี นางอาแผ่ จูเปียกู่ อายุ 85 ปี นางซุงยุง เบชะกู่ อายุ91 ปี และนางห่วยเมียง เบ่ก่ากู่ อายุ 82 ปี โดยนางวันดี ราชชมภู นายอำเภอแม่จัน และปลัดอำเภอ ได้รับคำร้องดังกล่าว นางสาวเพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) กล่าวว่า พชภ. ได้สำรวจพบว่า แม่เฒ่าเหล่านี้เป็นชาวเขาเผ่าอีก้อหรืออาข่า เกิด ณ อำเภอแม่จัน ได้รับการบันทึกในแบบพิมพ์ประวัติบุคคล บนพื้นที่สูง ซึ่งจัดทำโดยอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เมื่อพ.ศ.2534 และยังได้รับการสำรวจโดยศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง ตามโครงการสำรวจข้อมูล ประชากรชาวเขาปี พ.ศ.2528 -2530 ของกรมประชาสงคราะห์ และมีพยานบุคคลที่เชื่อถือได้ที่ยืนยันว่าแม่เฒ่าเหล่านี้เป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ โดยเฉพาะคำพยานของนายธนูชัย ดีเทศน์

ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา ปางสา ในระหว่าง พ.ศ.2519 – 2529 มีหน้าที่ดูแลราษฎรในหมู่บ้านกิ่วสะไต อำเภอแม่จัน ดร.พันทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสถานะบุคคล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าด้วยพยานหลักฐานดังกล่าวทั้งหมดดังกล่าวจึงทำให้สรุปได้เบื้องต้นว่า แม่เฒ่าเหล่านี้เป็นชาวไทยภูเขาซึ่งเป็นผู้ทรงสิทธิในสัญชาติไทยตามมาตรา 3 (3) แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2456 เพราะท่านเกิดในประเทศไทย เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าอีก้อ หรืออาข่า ดั้งเดิมของแผ่นดินไทย แม้จะไม่ปรากฏพยานหลักฐานรับรองการจดทะเบียนการเกิดดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากท่านเกิดก่อนระบบการทะเบียนราษฎร ฃทั่วไปภายใต้ พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2499 แต่กรมการปกครอง ซึ่งทำหน้าที่สำนักทะเบียนกลางตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ก็ได้มีระเบียบสำนักทะเบียนกลางเพื่อบุคคลในสถานการณ์ กล่าวคือ ระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการพิจารณาลงรายการสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎร ให้แก่บุคคลบนพื้นที่สูง พ.ศ. 2543 ซึ่งข้อ 11 บัญญัติว่า “ชาวไทยภูเขาที่จะได้รับการลงรายการสัญชาติไทย โดยเพิ่มชื่อและรายการบุคคลเข้าในทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) จะต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ สำหรับบุคคลบนพื้นที่สูงที่จะได้รับการลงรายการสัญชาติไทย โดยเพิ่มชื่อและรายการบุคคลเข้าในทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) จะต้องเป็นบุคคลที่ทางราชการได้จัดทำทะเบียนประวัติ และบัตรประจำตัวไว้แล้วและจะต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรระหว่างวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2456 จนถึงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2515 เป็นบุคคลซึ่งมีสัญชาติไทย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้เป็นอย่างอื่น ความในวรรคสาม ให้สันนิษฐานจากเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ออกโดยส่วนราชการ หรือ พยานหลักฐานแวดล้อมกรณีโดยอาศัย การพิสูจน์ทางประวัติศาสตร์ ภาษาศาสตร์ หรือชาติพันธุ์วรรณนา เป็นต้น” นางซุงยุง เบชะกู่ กล่าวว่าวันนี้เดินทางลงดอยมาจากหมู่บ้านกิ่วสะไต มายื่นคำร้อง รู้สึกตื่นเต้น ตนมีอายุมาก ใกล้จะถึงฝั่งแล้ว แต่ก็กำลังจะได้บัตรประชาชนไทยในที่สุด รู้สึกดีใจที่อีกไม่นานไปไหนก็สามารถเดินทางไปได้ อยากไปทุกๆ ที่ ลงมาเที่ยวในเมือง และไปซื้อของสำหรับมาทำหัตถกรรมขายที่ตลาดชุมชนบ้านกิ่วสะไต นางอาแผ่ จูเปียกู่ กล่าวว่าเมื่อมาถึงตรงนี้ วันที่ได้ดำเนินการยื่นคำร้อง ทำให้กลับนึกถึงตอนเด็กๆ ไม่เคยรู้เรื่องว่าต้องมาทำบัตรประชาชน เมื่อก่อนอยู่หมู่บ้านห่างไกล ยังวิ่งเก็บลูกไม้ใบไม้อยู่ในป่า วันนี้กำลังจะมีบัตรประชาชนจริงๆ แล้ว เมื่อคืนนอนก็คิดตลอดว่าจะลงมาอำเภอ ดีใจที่ได้เข้าใกล้บัตรประชาชนอีกขั้นหนึ่งแล้ว นางจางจ้า เบ่ก่ากู่ กล่าวว่าตอนนี้รู้สึกตื่นเต้น น้ำตาจะไหล อายุแปดสิบกว่าแล้ว กำลังจะได้สัมผัสกับบัตรประชาชนแล้ว ลูกหลานได้บัตรประชาชนเป็นคนไทยไปครบแล้ว หากตนเองได้บัตรประชาชนไทย จะให้ลูกหลานพาไปเที่ยวทุกที่ที่ไปได้ จะรู้สึกภูมิใจมาก อนึ่ง มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2528 ทำงานร่วมกับชุมชนตามแนวชายแดนไทย-พม่า ในลุ่มน้ำแม่จันแม่สลอง จ.เชียงราย โดยทำงานในประเด็นสิทธิสถานะบุคคลมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากชุมชน และการเสนอแก้ปัญหา ในระดับนโยบาย พชภ. ได้ริเริ่มงานแก้ไขปัญหา “ผู้เฒ่าไร้รัฐ ไร้รัฐชาติ” มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีภารกิจงานดังกล่าว เน้นในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อพัฒนาไปสู่แนวทางการพัฒนาสิทิธิและสถานะบุคคล ของกลุ่มผู้เฒ่าไร้รัฐไร้สัญชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง และคาดว่ายังมีอีกจำนวนมากในประเทศไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) SHARE.

ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – สำนักข่าวชายขอบ : http://transbordernews.in.th/home/?p=19474 .

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *