จากเหตุการณ์ปริมาณน้ำล้นที่เขื่อนสวาฉ่อง จนทำให้สปิลเวย์ของเขื่อนถล่มลงมา และทำให้น้ำไหลเข้าท่วมหมู่บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ใกล้กับเขื่อน รวมถึงบริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง ความคืบหน้าล่าสุด พบมีหมู่บ้านทั้งสิ้น 85 หมู่บ้านต้องจมอยู่ใต้น้ำ มีรายงานชาวบ้านสูญหายจำนวน 6 ราย แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันชัดเจนจากรัฐ โดยคาดว่ามีชาวบ้านราว 63,000 คน ได้รับความเดือดร้อนและถูกสั่งให้อพยพออกจากในพื้นที่ ขณะที่เหตุการณ์เขื่อนแตกครั้งนี้เกิดขึ้นที่เขตพะโค ทางตอนกลางของประเทศ ก่อนหน้านี้ ถึงแม้จะมีเสียงออกมาแสดงความกังวลของชาวบ้าน แต่ทางการพม่าได้ออกมาระบุว่า เขื่อนในประเทศนั้นแข็งแรงสามารถรองรับน้ำได้ แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อช่วงเช้าของวันพุธที่ผ่านมา นายอูเยมิ้นตู่ รองหัวหน้าฝ่ายด้านดับเพลิงในพื้นที่เปิดเผยว่า ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตกใจกับระดับน้ำที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยบางส่วนต้องรีบหนีขึ้นต้นไม้ ส่วนหนีขึ้นสะพาน เช่นเดียวกับชาวบ้านบางส่วนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ชาวบ้านไม่ได้รับการเตือนภัยล่วงหน้า แต่ทราบระหว่างที่เกิดเหตุจึงรีบพากันหนีเอาชีวิตรอด
“หากคุณไปบ้านของผมในตอนนี้ ก็จะพบว่าไม่เหลืออะไร” นายอ่องอ่อง ชาวนาจากหมู่บ้านโกนจีลันโซนให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ ขณะที่การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ชาวบ้านขณะนี้ดำเนินการโดยกองทัพพม่าและฝ่ายดับเพลิง ปริมาณน้ำล้นเขื่อนจนทำให้สปิลเวย์หรือทางน้ำของเขื่อนสวาฉ่องได้ถล่มลงมาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเขื่อนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองเยด่าเฉ่ น้ำจากเขื่อนได้ไหลเข้าท่วมหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงทางตอนกลางได้รับความเสียหาย เช่นเดียวกับสะพานเชื่อมเมืองใหญ่ที่สุดอย่างเมืองย่างกุ้งและเมืองมัณฑะเลย์ได้รับความเสียหาย จากรายงานเบื้องต้นพบว่า มีประชาชนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ 1 ราย และสูญหายอีก 6 ราย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากทางภาครัฐ หญิงชาวบ้านผู้ประสบภัยรายหนึ่งเปิดเผยว่า ในระหว่างที่หลบหนีจากเหตุน้ำท่วม เธอเห็นรถบบรทุกสิบล้อคันหนึ่งถูกน้ำพัดหายไป โดยในรถมีคนจำนวน 2 คนพยายามเอาชีวิตรอด ขณะที่มีรายงานว่า แม้ในบางพื้นที่ที่อาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนแตกครั้งนี้ แต่ชาวบ้านก็ตัดสินใจออกมาจากบ้านเรือนของตัวเอง เนื่องจากหวั่นระดับน้ำจะสูงขึ้น จากการประเมิณในเบื้องต้นพบบ้านเรือนจำนวนมากถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย ซึ่งคาดว่าจะมีบ้านเรือนทั้งสิ้น 12,000 หลังคาเรือนที่ได้รับความเสียหาย และจะส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ต้องไร้ที่อยู่ หลังเกิดเหตุทางพลเอกมิ้นอ่องหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพพม่าและคณะได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย โดยได้ให้สัมภาษณ์ทุกฝ่ายจะต้องหาทางร่วมมือกัน โดยระบุว่า ขณะนี้สปิลเวย์ไม่สามารถใช้การและควบคุมได้ เช่นเดียวกันน้ำคงจะไหลไม่หยุด ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานชาวบ้านกว่า 150,000 คนในพม่า ต้องประสบอุทกภัยที่เกิดขึ้นขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ อันมีสาเหตุฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยเขตพะโคเป็นอีกพื้นหนึ่งที่ถูกน้ำท่วมบ่อยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ โดยยังมีการประกาศให้เฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำในเขตพะโคที่อาจสูงขึ้นอยู่ในระดับอันตรายอีกด้วย ที่มา Irrawaddy/Myanmar Times/Reuters แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – สำนักข่าวชายขอบ : http://transbordernews.in.th/home/?p=19372 .