รู้ตัวแล้วศพถูกฆ่ามัดเก้าอี้ทิ้งน้ำ-เป็นหนุ่มอินเดีย ตร.สอบพบผ้าห่มห่อศพเป็นของเมีย

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายวันที่16 ก.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก รับแจ้งพบศพชายถูกฆาตกรรม มัดมือมัดเท้าอยู่ในคลองเมม หรือแม่น้ำยมสายเก่า หมู่ที่ 11 บ้านท่าช้าง ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก จากการตรวจสอบศพดังกล่าวเป็นชายรูปร่างใหญ่ อายุประมาณ 40-45 ปี ไม่พบหลักฐานของผู้ตาย สภาพศพที่เท้าถูกมัดด้วยเชือกไนลอนสีเขียว และล่ามโยงมาพันตัวผู้ตายไว้ โดยมัดติดอยู่กับม้านั่งปูนซีเมนต์ 1 ตัว และมีผ้านวมพันตัวผู้ตายไว้ 1 ผืน ตามร่างกายพบบาดแผลถูกแทง 8 แห่ง เข้าที่บริเวณราวนมด้านขวา 4 แห่ง และบริเวณแผ่นหลังอีก 4 แห่ง เจ้าหน้าที่ส่งศพไปทำการชันสูตรที่โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลกและเตรียมหาญาติ เพื่อสืบสวนสอบสวนว่าผู้เสียชีวิตเป็นใครเพื่อหาสาเหตุการฆาตกรรมโหดในครั้งนี้
ความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.ต.ชูชีพ พุ่มเฉี่ยว สว.สอบสวน สภ.พรหมพิราม เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบชื่อผู้เสียชีวิตแล้วคือนายเฮม ซิง เป็นชาวอินเดีย รายละเอียดเบื้องต้น มีภรรยาเปิดร้านอาหารอยู่ที่ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย ทางเจ้าหน้าที่กำลังเดินทางไปที่ ต.เมืองเก่า เพื่อทำการสอบสวนภรรยา และรายละเอียดทั้งหมดของสามี ส่วนความคืบหน้าของคดียังอยู่ระหว่างการขยายผลการสอบสวนถึงสาเหตุที่มีการลงมือฆ่านายเฮม ซิง เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมการลงมือฆ่าว่ามาจากเรื่องใด จุดใดที่ลงมือ เพื่อหาตัวคนร้ายต่อไป
ด้านพล.ต.ต.อดิศักดิ์ น้อยประเสริฐ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก โดยทางตำรวจกำลังตรวจสอบบ้านผู้ต้องสงสัยที่อ.เมือง จ.สุโขทัย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจุดที่มีการลงมือฆ่า  พร้อมเร่งดูหลักฐาน สอบปากคำผู้ต้องสงสัยและพยานแวดล้อม ก่อนขออนุมัติหมายศาลเพื่อจับกุมตัว ซึ่งคดีนี้ทางตำรวจต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติ อาจมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ จากการสอบถามภรรยาผู้เสียชีวิตยอมรับเพียงว่าผ้าห่มที่ใช้คลุมศพเป็นของตนเอง แต่ยังไม่ให้ข้อมูลในเชิงลึก อ้างเพียงว่าได้แยกกันอยู่กับสามี ซึ่งทางตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานมีแนวโน้มกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ว่าการก่อคดีน่าจะเกิดในพื้นที่ จ.สุโขทัย ก่อนนำศพมาทิ้งแม่น้ำยมสายเก่า จนกระทั่งมาพบศพที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลกดังกล่าว

ภาพ/ข่าว โดย:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1468736708

1468736836_201607171318181-20041022171637

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *