เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 17 ก.ค. ผู้สื่อข่าวจังหวัดบึงกาฬ ได้รับแจ้งว่า มีหนุ่มกรรมกรรับจ้างขนเศษยางตามลานรับซื้อเศษยาง ถูกรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 ก.ค. 2559 จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้าน หมู่ที่ 5 บ้านดงกะพุง ต.น้ำจั้น อ.เซกา จ.บึงกาฬ ทราบชื่อ คือ นายเฉลิมพร บุตรพรม อายุ 39 ปี โดยมีนางบุญไทย บุตรพรม อายุ 60 ปี มารดานั่งอยู่ข้างๆ อย่างอารมณ์ดี เมื่อมีคนถามถึงเหตุโชคดีครั้งนี้ ซึ่งมีญาติๆ และเพื่อนบ้านมาร่วมแสดงความยินดีไม่ขาดสาย
นายเฉลิมพร หนุ่มกรรมกรผู้โชคดี เล่าที่มาของการถูกลอตเตอรี่ครั้งนี้ว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ได้พาญาติไปชำระเงินค่าฌาปนกิจศพที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) สาขาบ้านดอนเสียดใกล้บ้าน แต่ชำระไม่ได้ ต้องไปชำระที่ ธกส.สาขา อ.เซกา จึงได้แวะซื้อลอตเตอรี่ที่ร้านตาแป๊ะข้างธนาคาร โดยมีเป้าหมายจะซื้อลอตเตอรี่ที่ลงท้ายด้วยเลข 64 ที่แม่สั่งเอาไว้ ซึ่งมีเลข 449764 เหลืออยู่เพียงใบเดียว
หลังจากกลับถึงบ้านก็ส่งลอตเตอรี่ให้นางบุญไทย ผู้เป็นแม่เก็บเอาไว้ โดยพูดว่า “ผมเอาโชคมาส่งให้แล้ว” ถึงเวลาหวยออก ก็พากันมานั่งลุ้นอยู่หน้าจอทีวี พอรางวัลที่ 1 ประกาศออกมาตรงกับลอตเตอรี่ที่ซื้อมา ต่างก็ลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ จนนางบุญไทยได้ร้องเตือนบอกว่า “ให้ใจเย็นๆ เอาน้ำลูบอกเอาไว้เดี๋ยวจะเป็นอย่างอื่นไปก่อน”
ส่วนนางบุญไทย มารดาของหนุ่มผู้โชคดี เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ฝันว่าไปทำบุญที่วัดป่าบ้านดงกะพุง มีเด็กผู้หญิงวิ่งเข้ามากอดแล้วกระซิบบอกให้ซื้อหวย 64 ไม่เชื่อก็ลองดูเลขท้ายรถที่เด็กหญิงคนนี้นั่งมา ซึ่งในความฝันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คือ 764 จึงได้กำชับลูกชายให้หาซื้อลอตเตอรี่ให้ตรงตามความฝัน
ส่วนเงินที่ได้มา 6 ล้านบาท ก็จะเอาไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เด็กหญิงในฝันที่มาให้โชคลาภ และนำมาสร้างบ้านหลังใหม่ให้แล้วเสร็จ ซึ่งได้ตั้งเสาและมุงหลังคาเอาไว้แล้ว โดยมีลูกสาว 2 คนที่ทำงานในกรุงเทพฯ คอยทยอยส่งเงินมาให้ทำและใช้จ่าย ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้เป็นทุนให้กับลูกๆ ที่มีด้วยกัน 3 คน ปัจจุบันก็อาศัยอยู่บ้านหลังเก่าๆ โทรมๆ ทำด้วยฝาสังกะสีเก่าๆ อย่างที่เห็น
นางบุญไทย เล่าถึงชีวิตรันทดว่า สามีตายตั้งแต่ลูกๆ ทั้ง 3 คนยังเด็กๆ ไม่มีทรัพย์สินมรดกไม่มีที่ไร่นาสวนเหมือนคนอื่น มีแต่ที่เล็กๆ พอได้ทำบ้านอาศัย เมื่อลูกโต ได้พาไปทำงานต่างจังหวัดทั้งภาคใต้และกรุงเทพฯ พออายุมากจึงกลับมาอยู่บ้านพร้อมกับลูกชาย ส่วนลูกสาว 2 คน เลือกทำงานอยู่ในกรุงเทพฯต่อไป ตนก็รับจ้างดำนาและเกี่ยวข้าว ส่วนลูกชายก็รับจ้างยกยางก้อนถ้วยหรือเศษขี้ยางขึ้นตาชั่งและยกขึ้นรถอยู่ลานรับซื้อยางในหมู่บ้าน พอได้เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว แต่ลูกชายก็ยังไม่มีครอบครัว เนื่องจากพวกเรายากจน สาวๆ ก็ไม่สนใจเหลียวมอง
ภาพ/ข่าว โดย:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1468731939