สำหรับใครที่ไม่รู้จักว่าคนไทใหญ่ คืออะไรก็ขอบอกเอาไว้ตรงนี้ล่ะกันว่า “ไทใหญ่” หรือ “ฉาน” คือ กลุ่มชาติพันธุ์ขนาดใหญ่อันดับ 2 ของพม่า ส่วนมากอาศัยในรัฐฉาน และแนวตะเข็บชาย แดนพม่า-ไทย ซึ่งปัจจุบันไทใหญ่หลายแสนคน ได้อพยพเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อหนีปัญหาทางการเมืองและการหางาน โดยมาแบบถูกกฎหมายบ้าง ไม่ถูกกฎหมายบ้างก็ว่ากันไป
“ย้อนกลับไปในวันแรกที่พาตัวเองมาอาศัยอยู่ที่นี้ กลิ่นอายการดูถูกเชื้อชาติ ก็เริ่มแตะจมูกทันที ที่ย่างกรายเข้ามาอยู่ ต้องท้าวความกันก่อนซักนิด ว่าในเชียงใหม่มีคนหลากหลายเชื้อชาติมาอาศัยอยู่ ทั้งนักท่องเที่ยวฝั่งเอเชียตะวันออก ฝรั่งมั่งค่า คนแอฟริกันผิวสี และที่จะเป็นปัญหาสำหรับที่นี้หลายๆเรื่องเลยก็คือ ปัญหาคนไทใหญ่และพม่า”
กลับมาที่ปัญหาของไทใหญ่อีกครั้ง ปัญหาที่ว่าก็คือ การก่ออาชญากรรม ทะเลาวิวาท ความรุนแรง และการอพยพเข้ามาอาศัย ทำงาน อย่างผิดกฎหมาย ในนามของคนต่างด้าว จริงๆแล้วเรื่องพวกนี้ จะอยู่ที่ ไหน ชนชาติอะไร มันก็มีปัญหาเหมือนกันหมดแหละ ส่วนหน้าที่การจัดการ หน่วยงานไหนเกี่ยวข้องก็ต้องดูแลให้มันเรียบร้อยกันไป แต่ที่ไม่เข้าใจเลยก็คือ ทำไมคนไทยบางกลุ่มที่นี้ ถึงได้ดูถูกคนไทใหญ่กันหนักหนา
ดูจากอะไร ถึงเรียกได้ว่าดูถูก เหยียดหยามกันง่ายๆเลย จากที่เคยเจอในชีวิตประจำวันของตัวเอง และจากการพูดคุยกับคนรู้จักรอบข้าง สังเกตเห็นได้จากการแบ่งชนชั้นทางสังคมในการใช้ชีวิตแต่ละวัน การกดขี่ข่มแหง การพูดถึงคนไทใหญ่ในทางเสียๆหายๆ ทั้งที่จริงแล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันอะไรจริงไม่จริงในชีวิตพวกเขา
และที่หนักไปกว่านั้น ในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิตคนมากขึ้น มีสื่อในเชียง ใหม่ขาใหญ่บางแห่ง อาศัยพื้นที่สาธารณะในโลกออนไลน์ อย่างเฟซบุ๊ค กระจายความเห็นต่างๆในทางดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติคนไทใหญ่ ให้ชาวบ้านได้รับรู้ถึงความเลวทรามต่ำช้า ทั้งจากแอดมินคนที่เป็นเจ้าของเพจเอง และแฟนๆเพจก็ร่วมเข้ามาแจมแสดงความเห็นกัน ประหนึ่งเหมือนเราจุดไฟไปแล้ว รอแค่ลมพัดกับเอาน้ำมันมาราดให้มันลุกโชนมากยิ่งขึ้น
ส่วนจุดประสงค์ของการเผยแพร่เรื่องแบบนี้ ก็ไม่เข้าใจว่าคนคนที่เขาเป็นเจ้าของเพจ ที่มีคนตามเกือบแสนต้องการอะไร ต้องการผดุงความยุติธรรมในสังคม ให้คนไทยที่นี้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ปลอดภัยอาช ญากรรมจากไทใหญ่ ต้องการสื่อไปให้หน่วยงานรัฐ เข้ามาดูแลจัดการปัญหาไทใหญ่ หรือต้องการเรียกเรตติ้งยอดแฟนเพจตัวเองให้ทะลุเพดาน
ซึ่งจากการติดตามดูเพจนี้หลายครั้ง กลับพบว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะส่วนใหญ่โพสอะไรไปก็ไม่เห็นสร้างสรรค์ แถมยังรู้สึกแฝงด้วยเจตนาดูถูกไทใหญ่อย่างชัดเจน ยิ่งแอดมินเป็นหัวหอกคนสำคัญในการโพสเรื่องแชร์เรื่องเมื่อไหร่ ตามนิสัยเกรียนโลกออนไลน์ ก็ต้องตามน้ำไปด้วยทั้งนั้น
“พอมากคนก็มากความ จากเรื่องเล็กๆ ขี้หมูราขี้หมาแห้ง ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่บานปลาย กลายเป็นไฟลามทุ่ง จนสุดท้ายไปจบลงที่การไปโยนขี้ให้คนไทใหญ่ทุกครั้งไป เวลามีเรื่องร้ายๆอะไรเกิดขึ้นในเชียง ใหม่ทุกที จากปกติที่คนไทยบางกลุ่มมีอคติกับคนไทใหญ่อยู่แล้ว พอมีสื่อกระจายเรื่องพวกนี้ออกไป ทั้งๆที่เรื่องที่เอามาเผยแพร่ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน ก็ยิ่งส่งผลให้คนในวงกว้าง เพิ่มจำนวนมีอคติกับคนกลุ่มนี้มากขึ้น”
พอมากขึ้นก็จะกลายเป็นปัญหาทางสังคม ในการใช้ชีวิตร่วมกัน แล้วก็อย่าลืมด้วยว่า ทีนี้แรงงานส่วนใหญ่เป็นไทใหญ่แทบทั้งสิ้น ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเมืองเชียงใหม่ ให้เจริญเติบโตและบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ไม่ได้มาปกป้องคนไทใหญ่ในฐานะซุปเปอร์แมน ถ้าคนไทใหญ่ทำผิดก็ว่ากันผิดไปตามกฎหมาย แต่ถึงเขาจะผิดหรือไม่ เราก็ไม่ควรไปดูถูกชาติพันธุ์พวกเขาไม่ใช่เหรอ
ใช่อยู่ที่พวกเขาล้าหลังในการพัฒนา ทั้งการศึกษา และคุณภาพความเป็นอยู่ชีวิต แต่เราก็ไม่ควรที่จะไปดูถูกเขาแบบนั้นในทางเสียๆหายๆ อันที่จริงเรื่องเปลือกนอกของคนเรา muj เห็นทุกวันนี้ มันไม่ได้บ่งบอกอะไรในตัวเลยว่าใครเป็นคนดีคนชั่ว แต่สิ่งที่จะบ่งบอกคุณค่าในตัว คือการกระทำผลกรรมทั้งดีและไม่ดีของแต่ละคน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนเชื้อชาติไหน จะรวย จน สูง ต่ำ ดำ เตี้ย กรรมดีกรรมชั่วที่คุณทำนั้นแหละจะแสดงคุณค่าของความเป็นมนุษย์
“มนุษย์ที่มีจิตใจประเสริฐ สามารถแยกแยะ ผิดชอบชั่วดี มีวิจารณญาณ มีสติในการตัดสินใจในสิ่งที่มองเห็นตรงหน้าว่าอะไรจริงไม่จริง ผ่านการคิดไตร่ตรองอย่างมีเหตุผลรองรับ ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจกระทำอะไรลงไปเพื่อความสะใจบางอย่าง พลางโอ้อวดว่าชาติพันธุ์ของตัวเองประเสริฐดีนักแล”
และหากจะถามความรู้สึกของคนไทใหญ่ที่นี้ ต่อสิ่งที่พวกเขาได้รับการปฏิบัติจากการใช้ชีวิตร่วมกับคนไทย อารมณ์ความรู้สึกมันก็คงไม่ต่างอะไรกันกับ”ฝรั่งเหยียดคนผิวสี คนไทยดูถูกคนลาว คน กทม.ดูถูกคนอีสาน คนในเมืองดูถูกคนบ้านนอก คนรวยดูถูกคนจน”ทำนองนั้น
ไม่มีใครสามารถที่จะเลือกเกิดได้หรอก ว่าจะเกิดมาเป็นคนแบบไหน แต่ที่เราเลือกได้คือการใช้ชีวิตให้มีคุณค่า มีความเมตตา เอื้อเฟื้อกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าเขาจะเป็นคนชาติไหน ถ้าทำได้แบบนี้ โลกมนุษย์ทุกที่จะมีแต่ความสุขไม่ต้องมาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันอย่างเอาเป็นเอาตาย เช่นทุกวันนี้
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – เชียงใหม่นิวสืออนไลน์ http://www.chiangmainews.co.th/page/archives/718871