เหตุการณ์ที่กองกำลังปะหล่อง TNLA และกองทัพเอกราชคะฉิ่น KIA ได้เข้าโจมตีพื้นที่หลายจุดในเมืองหมู่เจ้ รวมถึงบริเวณด่านการค้าสำคัญใกล้กับชายแดน เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แล้ว 19 คน มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและตำรวจของพม่ารวมอยู่ด้วย 4 นาย รวมทั้งพลเรือนเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 20 คน ขณะที่เหตุสู้รบกันระหว่างกองทัพพม่าและกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ยังคงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั้งในรัฐคะฉิ่น และทางเหนือของรัฐฉาน ชาวบ้านคะฉิ่นที่ติดค้างอยู่ในป่าในพื้นที่สู้รบหลายพันคนยังไม่สามารถออกมาจากป่าได้และยังคงไม่ได้รับการช่วยเหลือ กองกำลังปะหล่อง TNLA ได้ออกมาเปิดเผยว่า
ทางกลุ่มต้องการที่จะโจมตีบ่อนคาสิโนที่ควบคุมโดยทหารพม่า นอกจากนี้ยังได้โจมตีฐานทหารพม่าและกองกำรักษาชายแดน (BGF) ฝ่ายพม่าหลายจุดที่ตั้งอยู่ตามพื้นที่ชานเมืองหมู่เจ้ โดยมีเป้าหมายที่จะโจมตีทหารพม่าเท่านั้น แต่ได้แสดงความกังวลใจว่าอาจจะมีพลเรือนโดนลูกหลงด้วย ทาง TNLA ยังอ้างว่า เหตุที่โจมตีบ่อนคาสิโนเนื่องจากเป็นแหล่งแพร่ระบาดของยาเสพติด เป็นสถานที่มอมเมาประชาชนและก่อให้เกิดปัญหาด้านสังคม ดังนั้นจึงตัดสินใจโจมตีบ่อนคาสิโนในเมืองหมู่เจ้ ทางด้านนายซอเท โฆษกของรัฐบาล NLD ได้ออกมาเปิดเผยว่า ได้มีทหารกลุ่มติดอาวุธราว 100 คน ได้เข้าโจมตีตามจุดต่างๆ ของเมืองหมู่เจ้ เมื่อเช้ามืดวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุ ทหารพม่าได้ขับไล่โจมตีกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ โดยนายซอเทอ้างว่า ทางกลุ่มที่ก่อเหตุมีเป้าหมายโจมตีพลเรือน “นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ แต่เป็นการโจมตีในรูปแบบของการก่อการร้าย” นายซอเท กล่าว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีชาวจีนที่อาศัยอยู่ในเมืองหมู่เจ้ รวมทั้งชาวบ้านจากฝั่งพม่าตัดสินใจหนีตายข้ามไปยังฝั่งจีน โดยนายซอเทระบุว่า ยังไม่ทราบจำนวนตัวเลขชาวบ้านที่หนีไปยังฝั่งจีน ทางด้านโฆษกของรัฐบาลในเมืองหมู่เจ้ ระบุเช่นกันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมด แต่ยืนยันได้ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์ทั้งสิ้น 20 คน จริง โดยทั้งหมดถูกส่งตัวไปรักษาตามโรงพยาบาลในตัวเมือง เกี่ยวกับเรื่องนี้ กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของปะหล่อง TNLA ที่เข้ามาก่อเหตุจนทำให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายไปด้วยว่าถูกต้องหรือไม่ ล่าสุดทางกลุ่มพี่น้องชาวไทใหญ่และแรงงานที่อยู่ในประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของปะหล่อง TNLA ที่ก่อเหตุในเมืองหมู่เจ้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อประชาชนในรัฐฉาน เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นอกจากนี้ในแถลงการณ์ยังระบุ ขอต่อต้านการทำสงครามทุกรูปแบบที่ทำให้ประชาชนต้องตกเป็นเหยื่อ ต้องเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ โดยยังเรียกร้องให้กองทัพพม่าและ TNLA ยุติการสู้รบกันโดยทันที และใช้วิธีการเจรจาเพื่อให้เกิดสันติภาพ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายชดใช้จ่ายค่าเสียหายแก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ส่วนสถานทูตจีนในพม่าก็ออกแถลงการณ์ประณามเหตุโจมตีในเมืองหมู่เจ้ โดยกล่าวว่า กระสุนปืนยังได้ตกไปยังฝั่งจีน เช่นเดียวกับผู้ลี้ภัยสงครามที่ข้ามไปยังฝั่งจีน โดยระบุว่ารู้สึกเจ็บปวดต่อเหตุการณ์ที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องถูกทำร้ายไปด้วย โดยจีนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจเพื่อไม่ให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นและกระทบต่อเสถียรภาพพรมแดนจีนและพม่า ด้านนายโก่จ่อ โก่โก่ จากกลุ่ม Social Democratic United Front [SDUF] กลุ่มการเมืองใหม่ของพม่าได้แสดงความเห็นในรายการ Dateline ของสำนักข่าว Irrawaddy ว่า การสร้างสันติภาพในพม่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ กองทัพพม่าจะต้องเปลี่ยนวิถีคิดและทัศนคติ แต่เห็นได้ว่า กองทัพพม่าไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ในบ้านเมืองจึงได้ร่างรัฐธรรมนูญปี 2008 ขึ้น เพื่อให้กองทัพยังคงมีอำนาจและบทบาทต่อไป นอกจากนี้นายโก่จ่อ โก่โก่ ยังแสดงความเห็นว่า กองทัพพม่ายังคงมองว่า กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ไม่ใช่องค์กร แต่เป็นองค์กรก่อการร้ายชาติพันธุ์ และความคิดที่ว่ากองทัพพม่าจะต้องเป็นกองทัพเดียวในพม่า ความคิดเช่นนี้ของกองทัพพม่าจึงทำให้เกิดปัญหา นอกจากนี้ รัฐบาล NLD นั้นไม่มีอำนาจในการสั่งการ โดยเฉพาะประเด็นทางทหาร ในรัฐธรรมนูญที่ทหารร่างขึ้นระบุชัดเจนว่า รัฐบาลจะไม่มีอำนาจในการเข้ามาแทรกแซงทางทหาร เช่น การสั่งห้ามสู้รบ หรือแม้แต่การสั่งให้ถอนทหารออกจากพื้นที่กลุ่มชาติพันธุ์ ดังนั้น หากกองทัพพม่าเองไม่สามารถเปลี่ยนแนวคิดของตนได้ ความพยายามในการสร้างสันติภาพในพม่าก็จะเป็นไปได้ยาก นายโก่จ่อ โก่โก่ ยังแสดงความเห็นว่า การสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในประเทศ ประชาชนทุกคนจะต้องตื่นตัว มองปัญหาสงครามการเมืองในประเทศเป็นปัญหาของตัวเองที่ต้องให้ความสนใจ ทุกฝ่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสียจะต้องหยุดยิงและเข้าร่วมบนโต๊ะเจรจา และยังมองว่า การเจรจาไม่ควรจะยึดติดกับแค่ในข้อตกลงสัญญาหยุดยิงแห่งชาติ NCA เท่านั้น แต่ควรใช้วิธีการเจรจาที่แตกต่างกันออกไป หากวิธีหนึ่งใช้ไม่ได้ผล ก็ใช้อีกวิธีหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือแก้ปัญหาทั้งหมดให้ได้เสียก่อนเพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยเขายังมองว่า ทางกองทัพพม่าไม่ควรบังคับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์โดยใช้การกดดันทางทหารให้มาลงนามหยุดยิง โดยเขายังเชื่อว่า พลังมวลชนก็มีส่วนความสำคัญที่จะสามารถหยุดยั้งสงครามในประเทศได้ โดยนายโก่จ่อ โก่โก่ ได้ยกตัวอย่างในปี 1970 ยุคสงครามเวียดนาม ที่นานาประเทศและแม้แต่พลเมืองของสหรัฐฯ เองได้ออกมาประท้วงกองทัพสหรัฐฯ ให้หยุดทำสงครามในเวียดนามจนหยุดยั้งสงครามได้สำเร็จ “ในทำนองเดียวกัน เราจำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในประเทศของเรา นี่เป็นความหวังที่ดีที่สุดที่เราจะสามารถบรรลุให้เกิดสันติภาพได้ หากเรามีความหวังนี้ ผมคิดว่า ความหวังอื่นๆก็จะได้รับการเติมเต็ม ” นายโก่จ่อ โก่โก่ กล่าว ที่มา รอยเตอร์/Panglong/Irrawaddy แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – สำนักข่าวชายขอบ : http://transbordernews.in.th/home/?p=18976 .