เมื่อวันจันทร์ (30 เม.ย) ที่ผ่านมา ชาวคะฉิ่นกว่า 5 พันคน ในเมืองมิตจีนา เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่น ได้ออกมาประท้วงบนท้องถนน เรียกร้องให้กองทัพพม่ายุติทำสงครามในรัฐคะฉิ่น และเรียกร้องให้รัฐบาลของนางอองซาน ซูจี ยืนข้างและอย่าทอดทิ้งเหยื่อสงครามในรัฐคะฉิ่น โดยเฉพาะชาวบ้านจำนวน 2 พันคนในเมืองทาไน ที่หนีภัยสงครามระหว่างกองทัพพม่าและทหารคะฉิ่น KIA เข้าไปในป่า และติดค้างอยู่ในป่าไม่สามารถออกมาได้ เนื่องจากบริเวณโดยรอบมีการทำสงครามอย่างหนัก มีรายงานว่า เหยื่อสงครามกลุ่มนี้มีอาหารเหลือไม่มากสำหรับประทังชีวิต โดยส่วนใหญ่พบเป็นหญิงและเด็ก รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ ภาพ Kachin News Group มีรายงานว่า ผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้กองทัพพม่ายุติโจมตีทางอากาศต่อพลเมืองในพื้นที่สู้รบ
การใช้วิธีปฎิบัติการทางทหารกดดันอีกฝ่าย ให้หันมาใช้วิธีการเจรจาทางการเมืองแทน และเรียกร้องให้รัฐบาล NLD อย่าทอดทิ้งประชาชนและเข้าใจในสถานการณ์ลำบากที่ประชาชนในพื้นที่ต้องเผชิญ โดยกลุ่มผู้ประท้วงกล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำขณะนี้คือการนำผู้หนีภัยสงครามที่ติดอยู่ในป่าไปยังพื้นที่ปลอดภัย และคนเหล่านี้จำเป็นจะต้องได้รับการคุ้มครองโดยทันที นันพู หนึ่งในผู้นำการประท้วงในครั้งนี้เปิดเผยว่า ผู้ที่ติดค้างอยู่ในป่าตอนนี้มีทั้งผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้หญิง และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ซึ่งคนเหล่านี้กำลังทนทุกข์ยากลำบาก ดังนั้นจึงร้องขอให้กองทัพและรัฐบาลพม่าเมตตาคนเหล่านี้และปล่อยให้พวกเขาเป็นอิสระให้เร็วที่สุด โดยผู้หนีภัยกลุ่มนี้ติดค้างอยู่ในป่ามาตั้งแต่วันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ภาพ Kachin News Group ด้านนอเทา รองประธานกลุ่ม All Christian Order IDP Assistance Committee ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองทาไน เปิดเผยว่า ได้ติดต่อกับกลุ่มชาวบ้านที่ติดค้างอยู่ในป่าครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา “พวกเขาเปิดเผยว่า ไม่มีอาหารแล้ว และไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา” ขณะที่ผู้ร่วมประท้วงอีกรายหนึ่งกล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาล NLD เป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายยุติสู้รบกัน มีรายงานว่า การประท้วงครั้งนี้ มีทั้งผู้นำศาสนาพุทธ คริสต์ พรรคการเมืองคะฉิ่น นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงชาวเมืองมิตจีนาร่วมกันออกมาแสดงพลังประท้วงในครั้งนี้ “แม้แต่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยังพบกันเพื่อสร้างสันติภาพ ทำไมประเทศของเราจะไม่สามารถหาทางออกบนโต๊ะเจรจาและอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้?” พระอาชิน ปินนะวัมสะ ตั้งคำถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “กองทัพพม่าทำกับเราเหมือนไม่ใช่คน พวกเขากดขี่เราด้วยอาวุธ เราไม่มีสิทธิมนุษยชน นั่นเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ ดังนั้นผมจึงเข้าร่วมประท้วง” จิน เซา ฉ่วย อีกหนึ่งผู้ร่วมประท้วงกล่าว ภาพ Kachin News Group สงครามที่กำลังระอุระหว่างกองทัพพม่าและทหารคะฉิ่น KIA ในเมืองทาไนและพื้นที่อื่นๆ นอกจากชาวบ้าน 2 พันคนที่ติดค้างอยู่ในป่าแล้ว ยังมีผู้หนีภัยสงครามอีกกว่า 3 พันคน ที่ต้องอาศัยอยู่ตามโบสถ์ต่างๆ ความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นลงระหว่างกองทัพพม่าและทหารคะฉิ่น KIA เมื่อปี 2011 จนนำไปสู่การทำสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย ส่งผลให้มีค่ายผู้พลัดถิ่นภายในกว่า 160 แห่ง และทำให้มีผู้หนีภัยสงครามมากกว่า 1 แสนคน ขณะที่ในโลกออนไลน์พม่าอย่างในเฟซบุ๊ก ผู้คนจำนวนมากต่างร่วมกันเปลี่ยนรูปภาพโปรไฟล์เกี่ยวกับเหยื่อสงครามชาวคะฉิ่น และต่างแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ผู้หนีภัยสงครามจำนวน 2 พันคนที่ติดค้างอยู่ในป่า ที่มา Irrawaddy / ภาพ Kachin News Group แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – สำนักข่าวชายขอบ : http://transbordernews.in.th/home/?p=18890 .