สำนักสถิติแห่งชาติ ระบุจำนวนคนไทยปัจจุบันมี 66,199,190 คน กลุ่มคนจนที่มีรายได้เฉลี่ยหรือค่าใช้จ่ายต่ำกว่า 2,647 บาท มี 7.06 ล้านคน แต่ละภาคจะแตกต่างกัน ภาคเหนืออยู่ที่ 2,387 บาท/คน/เดือน
เงินเป็นสิ่งแทนค่าความมั่งคั่ง ร่ำรวย ซึ่งไทยนำธนบัตรออกใช้ครั้งแรก เมื่อพศ.2445 หากอ้างอิงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่านำธนบัตรออกใช้ทั้งสิ้น 6,331.8 ล้านฉบับ (ณ สิ้นเดือน ธค.2560) มูลค่ารวม 1,809,484.7 ล้านบาท
ประกอบด้วย ชนิดราคา 500000 บาท 314 ฉบับ,ราคา 50 บาท 458.8 ล้านฉบับ, ราคา 1000 บาท 1,402.5 ล้านฉบับ ,ราคา 20 บาท 2,022.7 ล้านฉบับ, ราคา 500 บาท 369.3 ล้านฉบับ, ราคา 10 บาท 332.8 ล้านฉบับ ,ราคา 100 บาท 1,523.6 ล้านฉบับ, ราคา 5 บาท 39.2 ล้านฉบับ, ราคา 80 บาท 1.9 ล้านฉบับ
ชนิดราคา 1 บาท 121.3 ล้านบาท ชนิดราคา 60 บาท 11.3 ล้านฉบับ , ราคา 50 สตางค์ 18.9 ล้านบาท บัตรธนาคารชนิดราคา 60 บาท 9.5 ล้านฉบับ
มีฝ่ายบริหารจัดการธนบัตร ทำหน้าที่ดูแลการผลิต เก็บรักษา นำออกใช้ และทำลายเพื่อให้มีธนบัตรสภาพดีหมุนเวียนใช้อย่างเพียงพอในระบบเศรษฐกิจ จัดส่งไปยังศูนย์จัดการธนบัตร 10 แห่ง ทั่วประเทศ ภาคเหนือมีที่ เชียงใหม่และ พิษณุโลก
ข้อมูล ณ กพ.ปีที่ผ่านมา พบว่าบัญชีเงินฝากทั้งหมด ของคนไทยที่มีเงินมากกว่า 500 ล้านบาทมี 1,482 บัญชี มูลค่า 2.14 ล้านล้านบาท( ถ้าเจาะเฉพาะบัญชีออมทรัพย์จะมี 681 บัญชี มูลค่า 1.05 ล้านล้านบาท)เงินฝาก 200-500 ล้านบาท 2,812 บัญชี เงินฝาก 100-200 ล้านบาท 5,125 บัญชี เงินฝาก50-100 ล้านบาท 10,786 บัญชี เงินฝาก 25-50 ล้านบาท 22,930 บัญชี
เงินฝาก 10-25 ล้านบาท 76,928 บัญชี เงินฝาก 1-10 ล้านบาท 1,305,896 บัญชี มูลค่ารวม 3,303,465 ล้านบาท เงินฝาก 5 แสน-1 ล้านบาท 1,263,751 บัญชี เงินฝาก 2- แสนบาท2,731,160 บัญชี เงินฝาก1-2 แสนบาท 3,050,317 บัญชี ,เงินฝาก 5 หมื่น-1 แสน 3,836,159 บัญชี ,เงินฝากไม่เกิน 5 หมื่นมี 77,046,501 บัญชี มูลค่ารวม 385,478 ล้านบาท
ก่อนปี 2563 ไทยจะทยอยลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมาย ปัจจุบันคุ้มครองเงินฝากอยู่ที่ 15 ล้านบาทต่อบัญชีต่อสถาบันการเงิน แต่หลังจาก 11 สิงหาคม 2561 – 10 สิงหาคม 2562 จะลดวงเงินคุ้มครองไม่เกิน 10 ล้านบาท และหลัง 11 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป รัฐบาลจะคุ้มครองเงินฝากเพียง 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อสถาบันการเงิน
ขอบคุณที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – เชียงใหม่นิวส์ออนไลน์ http://www.chiangmainews.co.th/page/archives/697740
