วันที่ 17 เม.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รองผบช.ก. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ปส.2 พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพร็ชรกำเนิด ผบก.ปส.3 และ พล.ต.ต.กิตติ สะเภาทอง ผบก.ปส.4 ร่วมกันแถลงข่าว แผนป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ ปี 2561
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า เนื่องจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ และมีวันหยุดยาวทาง บช.ปส.จึงได้ทำการระดมกวาดล้าง จับกุมเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทุกประเภท โดยรวมถึงผู้สนับสนุนช่วยเหลือ กลุ่มกระบวนการค่ายาเสพติดต่างๆ และให้ใช้มาตรการยึดทรัพย์สินกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดอย่างเข้มข้น ปฏิบัติการในห้วงวันทึ่ 28 มี.ค. – 17 เม.ย. สามารถจับกุมคดียาเสพติดได้ 88 คดี ผู้ต้องหา 101 คน จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 140 คน พร้อมของกลางยาบ้า 171,543 เม็ด ยาไอซ์ 254.96 กิโลกรัม เฮโรอีน 54.60 กิโลกรัม กระท่อม 110 กิโลกรัม ยาอี 745 เม็ด ยึดทรัพย์สินได้ 11,303,600 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินและของกลางที่ตรวจยึดได้ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาได้ทั้งหมด 322,118,900 บาท
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า คดีต่อมาสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ลิขิต กล้วยดำรง ผกก.3 บก.สกส. พร้อมกำลังตำรวจกก.3 บก.สกส. ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มว้าเหนือ จำนวน 3 คน ประกอบด้วย 1.นายมนตรี ยอดมณีบรรพต 2.นายบรรจง แซ่ลี 3.นายสินชัย แซ่ลี ทั้งหมดเป็นชาวจ.เชียงราย พร้อมของกลางยาไอซ์ 250 กิโลกรัม รถบรรทุกสิบล้อ ทะเบียน 81-9305 ศรีสะเกษ 1 คัน รถกระบะบรรทุก โตโยต้า รุ่นวีโก้ ทะเบียน กท 6132 เชียงราย 1 คัน โทรศัพท์ 3 เครื่อง รวมมูลค่าของกลาง 750 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมตัวทั้งหมดได้ภายในปั๊มน้ำมันพีที ถ.เชียงคำ-จุน ต.เชียงบาล อ.เชียงคำ จ.พะเยา
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวต่อว่า ยาเสพติดล็อตดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบเบาะแสว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดว้าเหนือซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่จะมีการลักลอบลำเลียงขนยาเสพติดล๊อตใหญ่มูลค่ามหาศาลจากฝั่งสปป.ลาว เข้ามาในพื้นที่ประเทศไทยเพื่อส่งต่อให้กับเอเย่นต์ยาเสพติดในพื้นที่ โดยใช้ ถ.เชียงคำ-จุน เป็นเส้นทางในการลำเลียง จึงจัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบรถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 2 คัน เป็นรถบรรทุกสิบล้อ 1 คันและรถยนต์กระบะอีก 1 คัน ตรงตามที่สายลับแจ้งจึงเฝ้าสะกดรอยติดตามมาจนถึงบริเวณปั๊มน้ำมันพีที ก่อนแสดงตัวเข้าตรวจสอบ
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่พบผู้ต้องหาทั้ง 3 คน อยู่ภายในรถด้วยท่าทีมีพิรุธ คล้ายกับกำลังตื่นกลัว จึงทำการตรวจค้นกระบะบรรทุกของรถสิบล้อ กระทั่งพบยาเสพติดของกลางบรรจุอยู่ภายในกระสอบจำนวน 13 กระสอบ น้ำหนักรวม 250 กิโลกรัม โดยมีเมล็ดข้าวโพดปิดทับอำพรางสายตา เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปทำการสอบปากคำ พร้อมกับตรวจยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวต่ออีกว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนประเทศเพื่อนบ้านให้นำยาเสพติดดังกล่าวมาส่งให้กับเอเย่นยาเสพติดรายหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อนำไปกระจายขายต่อให้กับเอเย่นต์รายย่อยในพื้นที่ภาคกลางกระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากสืบทราบว่าจุดหมายปลายทางในการส่งลำเลียงยาเสพติดล๊อตนี้ที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่ชายแดนภาคใต้รอยต่อติดกับประเทศมาเลเซีย เพราะหากสามารถนำยาผ่านไปถึงพื้นที่ดังกล่าวได้ของกลางยาเสพติดจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว จากเดิมยาไอซ์ที่มีการซื้อขายในพื้นที่ภาคกลางจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 3 ล้านบาทแต่การซื้อขายในพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศมาเลเซียจะอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 13.5 ล้านบาท
“นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติของนายมนตรี 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้นั้นพบว่า เป็น 1 ในเอเย่นต์ยาเสพติดรายสำคัญของกลุ่มว้าเหนือที่เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวอยู่ เนื่องจากทราบว่านายมนตรีคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการขนลำเรียงยาบ้าจำนวน 9,400,000 เม็ดและยาไอซ์ จำนวน 788 กิโลกรัม จากพื้นที่ สปป.ลาว เข้าสู่พื้นที่ประเทศไทย ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึดและจับกุมผู้ร่วมขบวนการ บริเวณชายแดนบ้านไทยเจริญ ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์และยาบ้า ไวัในครอบครองเพื่อจำหน่ายก่อนส่งตัวให้ พนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” ผบช.ปส. กล่าว
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_973584