เปิดตัว “อส.กระดูกเหล็ก” ถูกซุ่มยิง-ลอบบึ้ม 4 ครั้งยังรอดมาได้!

ข้อมูลที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยจากปากของ กำนันกูเฮง สะอิ กำนัน ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่บอกเล่าถึงเหตุการณ์คนร้ายไม่ต่ำกว่า 6 คน ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มรถของ อส.ฮามัดรอรี หรือ มูฮัมหมัดรอรี เจ๊ะเด็ง วัย 42 ปี ซึ่งคนที่สนิทสนมจะเรียกชื่อเล่นเขาว่า “อส.มะ” ขณะกำลังขับรถกลับบ้านเมื่อเวลาตี 2 เศษของวันจันทร์ที่ 16 เม.ย.61 เหตุเกิดในพื้นที่ ต.นาเกตุ ภูมิลำเนาของ อส.มะ นั่นเองแม้เหตุการณ์ครั้งนี้เขาจะรอดคมกระสุนมาได้ แต่เพื่อนซึ่งเป็นอดีตพลทหารที่น้่งรถมาด้วยกัน กลับต้องสังเวยชีวิต เช่นเดียวกับคนขับรถสองแถวรับจ้างที่เคราะห์ร้ายขับรถสวนมาพอดี ขณะที่รถของ อส.มะ เสียหลัก ข้ามเลนไปพุ่งชนจนรถจอดสนิทแน่นิ่ง กลายเป็นเป้านิ่งโดนกระสุนของคนร้ายปลิดชีพไปอีกคน ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์ไล่ล่ากันนี้เลย

กำนันกูเฮง ให้ข้อมูลว่า อส.มะ เคยถูกลอบทำร้ายแบบนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง ล่าสุดคือครั้งที่ 4 โดยเหตุรุนแรงที่เกิดกับ อส.มะ ก่อนหน้านี้หลายๆ ครั้ง กำนันกูเฮงก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย และตกเป็นเป้าหมายไล่ล่าด้วยเช่นกัน”ผมมั่นใจว่าคนร้ายเป็นกลุ่มขบวนการ (หมายถึงขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน) ที่มีคนในพื้นที่ร่วมกับคนนอกพื้นที่ มากันทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 6 คน ซุ่มยิงจากข้างทาง และมีการดูต้นทางอีก มีการสังเกตความเคลื่อนไหวของ อส.มะ จากสถานที่จัดกิจกรรมของโรงเรียนตาดีกา ซึ่ง อส.มะ ไปทำหน้าที่ รปภ. จากนั้นก็ส่งสัญญานให้กับคนร้ายที่รอก่อเหตุโจมตี อส.มะ ช่วงเดินทางกลับ”กำนันกูเฮง ฟันธงว่า เป้าหมายของการยิงถล่มคือการสังหาร อส.มะ อย่างแน่นอนชัดยิ่งกว่าชัดว่าเป้าหมายครั้งนี้คือ อส.มะ เพราะผมขับรถผ่านบริเวณที่เกิดเหตุตอนเที่ยงคืนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอตีสอง เขามาถล่มรถอส.มะ จริงๆ พื้นที่นี้ไม่เกิดเหตุรุนแรงมานานแล้ว โดยก่อนที่จะก่อเหตุครั้งนี้ คนร้ายได้ลอบเผากล้องวงจรปิดเพื่อป้องกันการถูกจับภาพได้ ถือเป็นการส่งสัญญานแล้วว่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็มีการเฝ้าระวัง แต่ก็ยังเกิดเหตุขึ้นจนได้”กำนันกูเฮง เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า อส.มะ ตกเป็นเป้าสังหารมาแล้ว 4 ครั้ง และบางครั้งเขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยครั้งแรกตอนที่ผมเป็นผู้ใหญ่บ้าน คนร้ายเข้ามาซุ่มยิงใส่บ้านผม อส.มะมาช่วย แล้วเราก็ยิงตอบโต้จนฝ่ายคนร้ายเสียชีวิต 2 ราย ช่วงนั้นปี 49 ครั้งที่ 2 ปี 50 อส.มะ โดนคนร้ายวางระเบิดพร้อมกับผม แต่ไม่มีใครบาดเจ็บ ครั้งที่ 3 อส.มะถูกซุ่มยิง เพื่อนเขาเสียชีวิต 1 คน เหตุเกิดปี 55 และครั้งนี้ ถูกซุ่มยิงอีก มีเพื่อนเสียชีวิต 1 คน และชาวบ้านที่ขับรถสองแถวเสียชีวิตด้วยอีก 1 คน”ขณะที่เจ้าตัวเปิดใจกับ “ทีมข่าวอิศรา” โดยเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ทั้งสัญญาณเตือนล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุ และการถูกปองร้ายที่เชื่อว่าคงไม่จบง่ายๆ จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง”ก่อนเกิดเหตุ พวกเขามาเขียนข้อความที่รถแล้ว ตอนที่จอดอยู่ที่งานตาดีกา ซึ่งผมไปทำหน้าที่ รปภ. เขาเขียนเป็นภาษายาวี มีความหมายว่า ความเจ็บปวดเกิดจากการทำงาน แต่ผมไม่คิดอะไร พอมาเจอเหตุการณ์ซุ่มโจมตี ถึงรู้ว่าคือการเตือน””เหตุเกิดตอนตี 2 หลังจาก รปภ.งานตาดีกาเป็นคืนที่ 2 ที่โรงเรียนตาดีกาบ้านคลองช้าง ซึ่งโรงเรียนเขาจัดงานมาทุกปี ปีนี้เป็นครั้งที่ 18 แล้ว และเป็นคืนสุดท้าย ผมก็ได้ไปช่วยรักษาความปลอดภัยให้ชาวบ้าน เพราะผมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการชมรมตาดีกานาเกตุ ช่วงก่อนเกิดเหตุก็กลับออกมาก่อนที่งานตาดีกาจะเลิก ประมาณตี 2 กว่าๆ พอขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุ เขาใช้อาวุธสงครามยิงมาจากฝั่งขวา รัวเข้ามาเลย ผมก็ยิงใส่ 10 กว่านัด แล้วหาช่วงจังหวะออกจากรถ หลบที่มืดในสวนยาง ก่อนเดินไปหลบที่บ้านของชาวบ้านและแจ้งเจ้าหน้าที่ ประมาณ 30 นาทีทหารที่ฐานและเจ้าหน้าที่ชุดอื่นๆ ก็มาถึง พร้อมเพื่อน อส.จากยะลาและปัตตานีตามมาสมทบไล่ล่าคนร้าย”

อส.มะ เผยความรู้สึกว่า เสียใจอย่างมากที่ต้องมาสูญเสียเพื่อนไป เพียงเพราะนั่งรถมาด้วยกัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยขณะเกิดเหตุผมเห็นเพื่อนที่นั่งมาด้วยกันเสียชีวิต รู้สึกเสียใจมาก คิดว่าทำไมเขายังไม่เลิกอีก (หมายถึงผู้ก่อเหตุ) ผมรู้ว่าเป็นแนวร่วมในพื้นที่ ผมไม่เจาะจงใคร แต่เจ้าหน้าที่ก็มีข้อมูลอยู่แล้ว จริงๆ ผมขอให้เขาเลิกตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่เลิก”พวกเขาเผากล้องวงจรปิดก่อนหน้านี้ ก็คิดแล้วว่าเขาต้องการส่งสัญญาน คิดอยู่ว่าน่าจะมีอาวุธปืนสงครามเข้ามาในพื้นที่แล้ว คิดอยู่ว่าน่าจะมีการยิงใครสักคนในพื้นที่ ก็พยายามบอกทุกคนให้ระวัง เราก็ระวังอยู่ ก็ไม่คิดว่า ไม่คิดว่าจะเป็นเราเอง พอเสร็จภารกิจงาน รปภ.ก็กลับบ้าน แล้วก็ประสบเหตุ””จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ พบร่องรอยของเขา (ผู้ก่อเหตุ) และปลอกกระสุน พบในสวนยาง 3 จุด มีรอยเลือดด้วย คิดว่าน่าจะเป็นของคนร้ายโดนยิงจากที่เรายิงไป เพราะตั้งแต่เกิดเหตุยังไม่มีใครผ่านไปได้ ฉะนั้นคงไม่ใช่เลือดของคนอื่น น่าจะเป็นของคนที่ก่อเหตุ”ผมถูกยิงมา 4 ครั้งรวมกับครั้งนี้ แต่โชคดีที่รอดขีวิต ยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนร้าย แต่ระวังอยู่ตลอดเวลา ช่วงเกิดเหตุก็พยายามตั้งสติ และก็ยิงสู้จนคนร้ายหลบหนี ที่ผ่านมาก็พยายามดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่มาตลอด เพื่อช่วยเหลือภาครัฐ เพื่อให้พื้นที่เกิดความสงบสุข ประชาชนมีความปลอดภัย ส่วนคนที่ยิงผม ผมให้โอกาสมามอบตัว แล้วมานับหนึ่งใหม่ อย่ามาต่อสู้กันเลย มาร่วมกันสร้างบ้านเมืองให้สงบกันดีกว่า”

ขณะที่ อส.อับดุลฮากิม ดาราเซะ หรือ “อส.ฮากิม” อดีต อส.บันนังสตา จ.ยะลา ที่ข้ามเขตมาช่วยติดตามไล่ล่าคนร้ายยิงถล่มรถ อส.มะ กล่าวว่า “ผมขอท้าให้มาสู้กันตัวต่อตัว อย่าลอบกัดแบบนี้”สำหรับ อส.ฮากิม เคยตกเป็นข่าวดังเมื่อปี 57 เพราะชื่อของเขาปรากฏในใบปลิวของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ทิ้งไว้หลังปฏิบัติการฆ่าคนไทยพุทธหลายเหตุการณ์ โดยอ้างว่าเป็นการแก้แค้นที่รัฐปล่อยให้ อส.ฮากิม ระรานชาวบ้าน แต่ทางฝั่งของ อส.ฮากิม เองก็ถูกดักโจมตีเช่นกัน ทั้งลอบวางระเบิดรถยนต์ที่นั่งไปกับเพื่อนและน้องชาย รวมทั้งเหตุการณ์คนร้ายยิงล้างครัวทั้งพ่อ แม่ และหลานสาววัย 2 ขวบของเขา จนเสียชีวิตคารถกระบะ บนถนนสาย 410ต่อมา อส.ฮากิม เปิดใจให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกกับศูนย์ข่าวอิศรา โดยยืนยันว่าเขาและครอบครัวต่างหากที่ถูกคุกคามไล่ล่าจากฝั่งขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน เพราะเขาตัดสินใจหันหลังให้ขบวนการเมื่อถูกสั่งให้สังหารบิดาตัวเอง ซึ่งเขายอมรับไม่ได้การปรากฏกายของ อส.ฮากิม ที่ไปร่วมกับ อส.มะ ติดตามไล่ล่าคนร้ายที่ยิงถล่มรถจนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตไปถึง 2 ศพ ทำให้พอคาดการณ์ได้ว่าสงครามย่อยๆ ครั้งนี้คงยังไม่จบง่าย!

ศูนย์ข่าวภาคใต้

แหล่งข่าวจาก – ข่าวชัดประเด็นจริง  http://www.khaochad.com/185747?r=1&width=1600

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *