รัฐบาลพม่าได้ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังรัฐสภาได้ลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีคนใหม่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2561 แทนที่นายอูถิ่นจ่อ ที่ลาออกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของพม่าคือ นายอูวินมิ้น อดีตประธานสภาล่าง หรือสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเอ็นแอลดีอีกคนที่มีความใกล้ชิดนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ การก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศของนายอูวินมิ้นเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า มี ส.ส.จากทั้ง 2 สภาของพม่าได้ลงคะแนนให้กับนายวิ้นมิ้นจำนวน 403 เสียง จากทั้งสิ้น 636 เสียง ขณะที่นายอูมิ้นส่วยและนายเฮนรี แวน ทรีโอ ได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดีตามเดิม
ทั้งนี้การเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ครั้งนี้ นางซูจีและรัฐมนตรีคนอื่นๆ ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย กว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี นายอูวิ้นมิ้น ได้ลาออกจากตำแหน่งเดิมซึ่งเป็นประธานสภาล่างเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และถูกเสนอชื่อจนได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นไปตามกฎหมายของพม่าที่ระบุให้มีการเลือกประธานาธิบดีคนใหม่แทนที่คนเก่าที่ลาออกไปภายในเวลา 7 วัน นายวินมิ้นกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 10 ของพม่า ข่าวแจ้งว่านายวินมิ้นได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาล่างตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2559 หลังจากที่พรรคเอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้งในปีก่อนหน้านั้น ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาล่าง นายวินมิ้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นประธานสภาที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบและเคร่งครัดในระเบียบวินัย อีกทั้งมักกล่าวตักเตือนวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาทั้งต่อ ส.ส.หรือแม้รัฐมนตรี รวมไปถึงสมาชิกรัฐสภาจากฝ่ายทหารก็ไม่ละเว้น นายวินมิ้น วัย 66 ปี เกิดที่เขตดาหน่าบิว เขตอิรวดี เมื่อปี ค.ศ.1951 เคยศึกษาคณะธรณีวิทยาก่อนที่จะหันมาเรียนกฎหมาย ในปี 2523 และยึดอาชีพเป็นทนายความ จนมาถึงปี 2531 ที่เกิดการประท้วงลุกฮือต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า และมีการก่อตั้งพรรคเอ็นแอลดี และนายวินมิ้นได้เข้าร่วมกับพรรคของนางซูจี จนมาในปี 2553 เขาได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการกลางของพรรค NLD นายวินมิ้นได้ลงเลือกตั้งทั้งในปี 2533 การเลือกตั้งซ่อมในปี 2555 และการเลือกตั้ง 2558 และเขาสามารถกวาดชัยชนะมาได้ทั้ง 3 สนามเลือกตั้ง แต่เส้นทางการเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย เขาถูกจับอยู่หลายครั้งเหมือนเช่นนักเคลื่อนไหวคนอื่นๆ แม้แต่ในช่วงเวลาหนึ่งที่ลูกชายคนเดียวของเขาป่วยหนักนอนรอความตาย นายวินมิ้นได้รับการเสนอจากเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของกองทัพพม่าให้ลงนามในหนังสือว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก แลกกับการดูใจลูกชายที่ป่วยหนักครั้งสุดท้าย แต่นายวินมิ้นปฏิเสธข้อเสนอนั้นและไม่มีโอกาสเข้าร่วมงานศพของลูกชาย นายวินมิ้นเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ไม่เคยโทษฝ่ายไหนต่อเรื่องที่เกิดขึ้น “ในใจของผม แค่อยากให้ลูกชายยืนอยู่ข้างผม” เขากล่าวให้สัมภาษณ์ นายวินมิ้นยังถูกกล่าวถึงและได้รับการยกย่องอย่างมากเกี่ยวกับงานแต่งของลูกสาวที่จัดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ที่เขาเข้าห้ามไม่ให้แขกนำของขวัญมาให้ลูกสาว ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในวัฒนธรรมของพม่า ขณะที่กลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า การก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี นายวินมิ้นก็จะสามารถปฏิบัติหน้าได้ดีไม่แพ้กับที่เขาเคยเป็นประธานสภา มีการคาดการณ์กันด้วยอีกว่า นายวินมิ้นจะสามารถทำงานได้ดีโดยเฉพาะในด้านการต่อต้านการทุจริต หลักนิติธรรม และประเด็นเรื่องที่ดิน ซึ่งเขาเคยให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้ในช่วงที่เป็นประธานสภาล่าง
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – สำนักข่าวชายขอบ : http://transbordernews.in.th/home/?p=18671 .
และรูปบ้างรูปจาก – นักรบชายแดน