รมว.ทรัพยากรฯ ลงพื้นที่ชายแดนแม่สอด เปิดวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า ประจำปี 2561 โครงการ “ไทยนิยม สู้ไฟ ปลอดควันไฟ ยั่งยืน” พบ จ.ตาก มีจุดความร้อนสูงสุด

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางมาเป็นประธานในพิธี เปิดวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า ประจำปี 2561โครงการ “ไทยนิยม สู้ไฟ ปลอดควันไฟ ยั่งยืน” โดยมีนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และคณะ ประกอบด้วยนายชัยพฤกติ์ เชียรธานรักษ์ นายอำเภอแม่สอด จ.ตาก= ดร.เทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด=นายปัญญรัตน์ รังศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตาก=หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ ที่บริเวณถนนสายเอเชีย อ.แม่สอด จ.ตาก ชายแดนไทย=เมียนมา ทั้งนี้เพื่อรณรงค์และประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนและทุกภาคส่วนตระหนักถึงอันตรายของไฟป่าและผลกระทบของควันไฟที่เกิดจากไฟป่า งดการจุดไฟเผาป่า และส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนในการป้องกันและควบคุมไฟป่า

 

จังหวัดตาก ประสบปัญหาไฟป่าและปัญหาหมอกควันรุนแรง ตรวจวัดค่าฝุ่นละอองในอากาศและคุณภาพอากาศมีค่าสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด โดยเฉพาะพื้นที่ด้านฝั่งตะวันตกในท้องที่ 5 อำเภอชายแดน ของจังหวัดตากที่ ติดประประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนม่าร์ซึ่งเกิดไฟป่าและหมอกควันที่เกิดบางส่วน ต้องยอมรับว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ได้มีการเผาพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ป่า ทำให้มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนตลอดจนการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ และในปี 2557 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ตระหนักถึงพิษภัยของหมอกควันไฟป่าข้ามแดน จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด ได้แก่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตาก สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 (ตาก) และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 (ตาก) ประสานกับหน่วยงานในท้องที่ จัดรณรงค์ป้องกันไฟป่าและหมอกควัน

รายงานข่าวแจ้งว่าพลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญในการป้องกันแบะการแก้ไข ปัญหาการเผาป่าและหมอกควัน เพื่อลดสภาวะอากาศเป็นพิษพลเอกสุรศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาไฟป่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นทั่วประเทศมาจากคนจุดไฟเผา ทุกคนทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันดูแลควบคุมไม่ให้มีการจุดไฟป่าในพื้นที่ ก็จะลดปัญหาไฟป่าได้ และถ้าเกิดไฟป่าแล้วจะต้องมีระบบการแจ้งเตือนให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้ไฟป่าลุกลามขยายออกไป หรือถ้าไฟป่าขยายออกไป ก็ต้องเพิ่มกำลังที่มีอยู่เข้าไปจัดการ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ช่วยกันขจัดปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองภายใน 2 – 3 เดือนนี้ และขอฝากประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเผาวัชพืชมาเป็นปุ๋ย โดยไปใช้วิธีการอื่นแทนที่ไม่ใช่การเผาซึ่งในวันนี้มีเจ้าหน้าที่ มาให้คำแนะนำอยู่ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า

สำหรับปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือปีพ. ศ. 2561 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2561 ได้มีการตรวจพบจุดความร้อนสะสม 7,540 จุด พบในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจำนวน 1,139 จุด คิดเป็นร้อยละ 15 ของจุดความร้อนสะสมทั้งหมด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 580 จุด คิดเป็นร้อยละ 8 ของจุดความร้อนสะสมทั้งหมด และพื้นที่เกษตรกรรม 5,821 จุด คิดเป็นร้อยละ 77 ของจุดความร้อนสะสมทั้งหมด พบมากที่สุดในพื้นที่จังหวัดตาก 274 จุด จังหวัดเชียงใหม่ 168 จุด และจังหวัดเชียงราย 92 จุดรายงานข่าวแจ้งว่า กิจกรรม นี้ยังมี ฝ่ายทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่า นักเรียน นักศึกษาและประชาชนในพื้นที่กว่า 3,000 คน ไปร่วมงาน ในงานมีการจัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้กับผู้ร่วมงาน ปล่อยขบวนยุทธการดับไฟป่าในการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้วยเทคโนโลยี 4.0 พร้อมทั้งการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การจัดทำแนวกันไฟกิจกรรมการลดปริมาณเชื้อเพลิงโดยนำกิ่งไม้ใบไม้ หรือวัชพืชมาทำปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมักเป็นต้น

ข่าว – ธนารักษ์ พินิจวงษ์ รายงาน

แหล่งข่าวจาก – ข่าวชัดประเด็นจริง   http://www.khaochad.com/168452?r=1&width=1600

 

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *