วันที่ 27 พ.ย. เอเอฟพีรายงานว่า หน่วยงานบรรเทาภัยพิบัติของทางการอินโดนีเซียยกระดับเตือนภัยอันตรายจากภูเขาไฟอากุงส่อระเบิดเป็นระดับสูงสุด สั่งอพยพชาวบ้าน 100,000 คน ออกจากพื้นที่อันตรายโดยรอบและขยายพื้นที่ที่ห้ามคนเข้าใกล้เพิ่มขึ้น หลังจากมีลาวาเย็นที่มีลักษณะเป็นโคลนไหลลงแม่น้ำบริเวณโดยรอบภูเขาไฟ
ภูเขาไฟอากุงพ่นควันสีเทาหนาทึบมหาศาลตลบท้องฟ้าตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และพุ่งขึ้นไปเหนือท้องฟ้าราว 3 ก.ม. ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 27 พ.ย. ส่งผลให้ต้องปิดสนามบินนานาชาติของเกาะบาหลี ทำให้นักท่องเที่ยวหลายพันคนตกค้าง
นายเกเด ซูอันติกา นักภูเขาไฟวิทยากล่าวว่า รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ภูเขาไฟอากุงปะทุครั้งล่าสุดในปี 2506 คร่าชีวิต 1,600 คน เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ภูเขาไฟปะทุที่นองเลือดที่สุดในประเทศที่มีภูเขาไฟทรงพลังกว่า 120 ลูก
หน่วยจัดการบริหารภัยพิบัติแถลงว่า ประกาศขยายโซนห้ามเข้าในรัศมีภูเขาไฟอากุงเป็น 10 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ห่างจากศุนย์กลางแหล่งท่องเที่ยวของย่านคูตา ราว 75 กิโลเมตร มีชาวบ้านราว 25,000 อาศัยอยู่ใกล้ภูเขาไฟอากุงทิ้งบ้านและอพยพออกมาที่พักพิงชั่วคราวแล้วตั้งแต่ภูเขาไฟอากุงเริ่มพ่นควัน
“เถ้าควันที่พัดมาอย่างต่อเนื่องมาพร้อมด้วยการระเบิดปะทุและเปล่งเสียงค่อยๆ สังเกตว่าแสงของไฟเพิ่มขึ้นในช่วงกลางคืน ซึ่งชี้ว่ามีศักยภาพว่าอาจเกิดระเบิดปะทุขนาดใหญ่กว่าเดิมใกล้เข้ามา” แถลงการณ์ระบุ
ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเตือนภัยคนไทยว่า รัฐบาลอินโดนีเซียปรับระดับเตือนภัยภูเขาไฟอากุง เป็นระดับที่ 4 หมายถึงอันตราย และสั่งห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยงภัยรัศมี 10 กม. จากปากปล่องภูเขาไฟ
ส่วนสนามบินนานาชาติที่บาหลีประกาศปิดทำการระหว่างวันที่ 28-29 พ.ย. เนื่องจากผลกระทบจากหมอกควันเถ้าภูเขาไฟ ในการนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอให้ชาวไทยในบาหลีลงทะเบียนออนไลน์กับสถานเอกอัครราชทูตฯ และติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการอินโดนีเซียอย่างเคร่งครัด
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบิน ขอให้ติดต่อสายการบินเพื่อรับทราบแนวปฏิบัติและยืนยันกำหนดการเดินทาง
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_647935