เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี ชาว จ.พิษณุโลก พร้อมด้วย น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี พ่อและน้าสาวของด.ญ.ซี (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ม.1 เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ภานุวัฒน์ ภูชื่นบาน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ว่า ช่วงเช้า ด.ญ.ซี ขี่รถจยย.ฮอนด้า ออกจากบ้านพักไปส่งน้องสาวที่โรงเรียน ขากลับกำลังจะเลี้ยวเข้าบ้าน ได้มีชายวัยรุ่นอายุประมาณ 17-20 ปี ผมสั้นเกรียน สวมเสื้อวอร์มสีน้ำเงิน มีตราเทศบาลแห่งหนึ่งที่หน้าอก สวมกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำตาลของทีมฟุตบอลบาร์เซโลน่า รองเท้าสีดำ ขี่รถจยย.ฮอนด้า คลิก สีขาว สภาพใหม่เอี่ยม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ดักฉุดด.ญ.ซี บังคับขึ้นรถจยย. แล้วพาไปในป่าอ้อย ก่อนลงมือข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ อ่านข่าว ล่า 2 หื่นทรชน! ฉุด ด.ญ.วัย 12 ไปขืนใจในไร่อ้อย เหยื่อดิ้นสุดชีวิต-โดนมีดขู่ หมอห่วงติดเชื้อ
ล่าสุด พ.ต.ท.สิทธิพร ธารากุลทิพย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วย พ.ต.ต.ธีรพงษ์ องอาจ สว.สส.ฯ ,พ.ต.ต.อรรคพล ยี่เกาะ สว.สส.ฯ ร่วมกันจับกุมตัวเด็กชายอายุ 13 ปี ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ฯ” พร้อมของกลาง 1.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีน้ำเงิน ไม่ติดทะเบียน 1 คัน 2.เสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำเงิน 1 ตัว 3.กางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำตาล 1 ตัว เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
โดยหลังเกิดเหตุตำรวจสอบสวนพยาน และผู้เสียหายโดยละเอียดถึงตำหนิรูปพรรณคนร้าย โดยขีดวงไว้ที่บริเวณหมู่บ้านใกล้เคียงห่างไปไม่เกินรัศมี 5 กิโลเมตร ซึ่งหาคนที่ครอบครองรถจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก สีน้ำเงิน ที่มีจำนวนมาก กระทั่งมาหยุดอยู่ที่ชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่มีบ้านพักอยู่ห่างจากหมู่บ้านเกิดเหตุไม่มากนัก และหลักฐานสำคัญคือกล้องวงจรปิดที่จับภาพรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยวิ่งผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1-2 กิโลเมตร เป็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สีขาว คนขับสวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน สวมกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล พยานยืนยันว่าเป็นคนร้าย
ด้านพ.ต.ต.อรรคพล ยี่เกาะ เปิดเผยอีกว่า หลังจากได้หลักฐานและทราบว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงกัน จึงเข้าตรวจค้น พบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยจอดอยู่ในบริเวณบ้าน และยังตรวจค้นเจอหลักฐานสำคัญคือเสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำเงิน และกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ที่คนร้ายสวมใส่วันก่อเหตุ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เนื่องจากตอนแรกสงสัยว่าผู้ก่อเหตุมี 2 คน เนื่องจากรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายเปลี่ยนที่จอด
“ข้อเท็จจริงคือผู้เสียหายสับสนจากการตกใจกลัวในจุดที่ถูกไล่จี้ฉุดตัว ทำให้สับสนในจุดที่รถจักรยานยนต์ล้มลง ทำให้เข้าใจผิดคิดว่ามีคนร้ายอีกคนมาช่วยผู้ต้องหา จึงคุมตัวผู้ต้องหาไว้สอบสวนเพื่อเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีทางกฎหมาย เนื่องจากผู้ต้องหายังเป็นเยาวชนจึงต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการสอบสวน”
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_626960
